กรุงเทพฯ11 ก.ย..-ภาคประชาสังคม จวก รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา หลังเตรียมเดินหน้าเปิดผับถึงตี 4 เจาะตลาดวัยรุ่น เชื่อปัญหาคุกคามทางเพศรุนแรงแน่ เชิญชวนภาคประชาชน ผู้ปกครอง ร่วมแสดงพลังคัดค้าน หยุดนโยบายสีเทา
จากกรณีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เตรียมเดินหน้าเปิดผับถึงตีสี่ พร้อมระบุว่าแนวทางนี้ใช้ได้กับนักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม และเตรียมเจาะกลุ่มวัยรุ่น หวังเพิ่มรายได้หมุนเวียนในประเทศ และเชื่อว่าจะไม่กระทบภาพลักษณ์ ไม่เกี่ยวเซ็กซ์ทัวริสซึ่ม โดยกำลังศึกษารายละเอียด เพื่อเข้า ครม.พิจารณา
นายจะเด็จ เชาวน์วิไล ผู้อำนวยการมูลนิธิหญิงชายก้าวไกล กล่าวว่าการเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 ทำให้เกิดความสุ่มเสี่ยงหลายเรื่อง เช่น เหตุการณ์คนตีกัน คุกคามทางเพศ เพราะระยะเวลาการเปิดยาวขึ้นอีก 2-3 ชั่วโมงนั้น ส่วนใหญ่ในสถานบันเทิงต้องมีการดื่มแอลกอฮอล์เป็นหลัก จึงเป็นปัจจัยทำให้เกิดปัญหาเหล่านี้ เสี่ยงต่อการมีโอกาสคุกคามทางเพศ อีกทั้งยังมีผลกระทบต่อคนในครอบครัว เนื่องจากขยายเวลาเปิดถึงตี 4 ทำให้นักดื่มดื่มอย่างต่อเนื่อง มีโอกาสสูงที่จะไปต่อกัน ทำให้คนในครอบครัวเป็นห่วง เมื่อกลับถึงบ้าน เกิดการทะเลาะเบาะแว้ง เกิดความรุนแรงในครอบครัวตามมา ซึ่งการที่บอกว่าจะเน้นนักท่องเที่ยวต่างชาตินั้น ในความเป็นจริงเป็นไปไม่ได้ มันจะกลายเป็นพื้นที่ที่คนไทย เยาวชนวัยรุ่นคนทำงานนี่แหล่ะจะแห่กันไป แล้วที่บอกว่าเจาะตลาดกลุ่มนักท่องเที่ยววัยรุ่นอันนี้เป็นความคิดที่แย่มากๆ ทำไมไม่คิดว่าเด็กเหล่านั้นก็เสมือนลูกหลานของเรา ที่ต้องร่วมกันปกป้องคุ้มครอง
“เมื่อนักท่องเที่ยวมองว่าประเทศเราไม่ปลอดภัยแล้ว เขาก็ไม่อยากกลับมาอีก ซึ่งปิดตี 2 เวลาเดิมดีอยู่แล้ว หากจะเน้นการท่องเที่ยวควรเน้นเรื่องอื่นดีกว่า เพราะประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับการเปิดสถานบันเทิงถึงตี 4 กลุ่มที่เห็นด้วยส่วนใหญ่น่าจะเป็นสถานประกอบการด้านนี้ เพราะได้ผลประโยชน์ หาก รมว.ท่องเที่ยวฯ ยังยืนยันที่จะเปิดถึงตี 4 ก็ต้องยอมรับความเสี่ยงที่จะเกิด เช่น การคุกคามทางเพศ และเมื่อเกิดขึ้นมาแล้ว ถามว่ามันคุ้มกับการที่จะเสียชื่อเสียง ทำให้นักท่องเที่ยวไม่อยากมาเมืองไทยหรือไม่ ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจการท่องเที่ยว และถ้าหากนักดื่มมีเวลาเพิ่มขึ้น เหตุการณ์ทำร้ายร่างกายและฆ่ากันก็จะมีสูงขึ้น ทำไมไม่มองที่ความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นที่ตั้ง ทำไมไปสร้างพื้นที่ไม่ปลอดภัยเพิ่ม และหากยังไม่จบยังดันทุรังเชื่อว่าเร็วๆนี้ภาคีเครือข่ายจะร่วมกันเคลื่อนไหวใหญ่อย่างแน่นอน คงถึงเวลาต้องแสดงออก เพราะเราคงไม่ยอมให้นโยบายสิ้นคิดแบบนี้ออกมาอีกแล้ว ทุกวันนี้ปัญหาสังคมก็มากพอแล้ว หากไม่ช่วยแก้ก็ไม่ควรสร้างปัญหาเพิ่ม” นายจะเด็จ กล่าว.-สำนักข่าวไทย