รองคณบดีฯ เสียใจเหตุรับน้องโหด เร่งหาผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษ

กรุงเทพฯ 16 ส.ค. – รองคณบดีฯ แถลงแสดงความเสียใจเหตุรุ่นพี่รับน้องโหด ยืนยันมหาวิทยาลัยมี กฎ ระเบียบห้ามรับน้อง เร่งตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นมี 6 คน ย้ำโทษสูงสุดคือไล่ออก


จากกรณีที่ผู้ปกครองของนายต้น อายุ 20 ปี ที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายตนเองและพ่อ ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ หลังพยายามขอทำเรื่องย้ายไปเรียนที่อื่น เนื่องจากถูกรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าวรับน้องรุนแรง ใช้ไฟลนอวัยวะเพศ และเผาขนรักแร้ทุกวันจนจิตใจร่างกายบอบช้ำ

ล่าสุดรองคณบดีกิจการนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยดังกล่าว แถลงขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยฯ มีกฎ ระเบียบ ประกาศห้ามรับน้อง หรือทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการกำหนดบทลงโทษไว้แล้ว ซึ่งกิจกรรมรับน้องที่เกิดขึ้น เกิดนอกเวลาเรียนและนอกมหาวิทยาลัย ทำให้ทางมหาวิทยาลัยไม่เคยรับรู้ว่ามีการรับน้องเกิดขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วมหาวิทยาลัยก็มีการตรววจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด และมีบทลงโทษกับนักศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่โทษสูงสุดคือไล่ออก


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เหตุการณ์รุมทำร้ายภายในมหาวิทยาลัย เบื้องต้นพบว่ากลุ่มทำร้ายมี 6 คน ทั้งกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ และขณะเกิดเหตุมีอาจารย์ที่ปรึกษา 2 คน เห็นเหตุการณ์และพยายามเข้าไปห้ามปรามแล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วและชุลมุน ทำได้เพียงตะโกนขอความช่วยเหลือและประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปิดประตูทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัย เพื่อป้องกันคนออก แต่เมื่อมีคนเข้ามาช่วย กลุ่มคนร้ายก็รีบหลบหนีไปได้ โดยควบคุมตัวไว้ได้เพียง 2 คน ซึ่งอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า กำลังพานายต้น ผู้บาดเจ็บ ไปทำเรื่องย้ายเขตเรียน แต่จู่ ๆ ก็มีกลุ่มรุ่นพี่กรูเข้ามาทำร้าย และจากการข่าวพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเคยก่อเหตุรับน้องและทำร้ายรุ่นน้องมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทำร้ายเกิดขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัย ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยก็จะช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ส่วนกรณีที่ครอบครัวนายต้นบอกว่านายต้นถูกกลุ่มรุ่นพี่ตามไปคุกคามที่โรงพยาบาลขณะกำลังรักษาตัว จนครอบครัวต้องพาย้ายโรงพยาบาลนั้น ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้รับทราบเรื่องนี้ แต่ก็จะเร่งตรวจสอบพฤติกรรมของรุ่นพี่กลุ่มนี้โดยเร็ว

ด้าน อว.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุเด็กวิศวะ ม.ดัง รับน้องโหด ชี้โทษสูงถึงขั้นไล่ออก


ภายหลังจากการประชุมเกือบ 2 ชม. นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสำรุฬห์ วัชรศรีสำเริง รองอธิการบดี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ได้เปิดเผยว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ให้มีการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหารือแนวทางในการแก้ไข และป้องกันปัญหาต่างๆ โดยภายหลังจากการหารือ ทางมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการรับน้องในพื้นที่มหาวิทยาลัยฯ โดยมีบทลงโทษชัดเจนหากมีการฝ่าฝืน โดยจะมีการดำเนินการขั้นสูงสุดคือ “ไล่ออก” โดยการตรวจสอบต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ในวันพรุ่งนี้ได้กำชับให้ทางมหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ และส่งข้อมูลให้ทาง อว. และคาดว่าวันจันทร์จะได้ทราบข้อเท็จจริง ว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมรับน้องจริงหรือไม่

ส่วนการทำร้ายร่างกายเด็กและผู้ปกครองภายในมหาวิทยาลัย จะมีการดำเนินคดีอาญา โดยจะดำเนินการควบคู่กันไป

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสำรุฬห์ รองอธิบดี เปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้วตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ มีรั้วรอบขอบชิด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลตลอดเวลา เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาภายในสถานศึกษา ส่วนเมื่อวานนี้ที่ผู้ปกครองของผู้เสียหายเข้ามาในมหาวิทยาลัยฯ ก็สามารถทำได้ เนื่องจากเข้ามาดำเนินเรื่องการย้ายเขตการศึกษา ส่วนในกลุ่มผู้ก่อเหตุมีบุคคลภายนอกร่วมด้วยหรือไม่นั้น ทางมหาวิทยาลัยฯ ขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนการรับน้องนอกสถานที่ ถ้าเกี่ยวเนื่องกับทางมหาวิทยาลัยก็จะถือว่ามีความผิด และจะมีบทลงโทษเทียบเท่ากับการรับน้องภายในมหาวิทยาลัย

ในสถานที่เกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้บางส่วน และอีกบางส่วนที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้ เชื่อว่ามีคลิปจากนักศึกษาโดยรอบถ่ายเก็บไว้ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปประกอบกับสำนวน ส่วนอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์จะมีการสอบปากคำในฐานะพยาน เพราะสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ทางด้าน ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ระบุว่าวันนี้จะมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว และจะนำใบแพทย์มาประกอบในสำนวน แต่ขณะนี้ผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่นอกเขต สภ.เมืองฯ จึงได้ประสานกับทาง สภ.ในพื้นที่ให้เข้าไปดูแลแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ก่อเหตุมีมากถึง 10 คน หรือไม่ ผกก.ระบุว่า ต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง แต่เชื่อว่าในกลุ่มผู้ก่อเหตุมีเด็กในสถานศึกษาส่วนหนึ่ง และเด็กภายนอกอีกส่วนหนึ่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวทั้งหมดได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเด็กผู้ก่อเหตุได้ยังมาเรียนหนังสืออยู่ไหม ทางฝ่ายผู้บริหารได้มีการสั่งการไปยังคณะฯ ซึ่งทางคณะได้มีการเรียกสอบ นศ.ที่ก่อเหตุ และกัน นศ.กลุ่มดังกล่าวไว้ โดยยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาในสถานศึกษา.- 420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มพาลูก-เมียกลับจากฉลองวันเกิด รถยางระเบิดเสียหลักชนเสาไฟ ดับ 3 สาหัส 2

พ่อแม่ลูก 5 คน กลับจากฉลองวันเกิด รถกระบะยางระเบิดเสียหลักหมุนชนอัดเสาไฟฟ้า พ่อและแม่พร้อมลูกคนโตเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกคนกลางและคนเล็กอาการสาหัส

สุดโหด! ไล่แทงหนุ่มดับปมขัดแย้งยาเสพติด

วงจรปิดจับภาพชัด คนร้ายวิ่งข้ามถนนไล่แทงหนุ่มเสียชีวิต ชาวบ้านแตกตื่น ขณะที่ตำรวจรวบตัวทันควัน คาดปมขัดแย้งยาเสพติด

กยศ.เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน พ.ค.-มิ.ย.68

กยศ. เปิดทางปรับลดยอดหักเงินเดือน ช่วยเหลือชั่วคราว พ.ค.-มิ.ย.68 ให้นายจ้างลดยอดการหักเงินเดือน ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้ เพื่อเริ่มผ่อนชำระใหม่เป็นรายเดือนในอัตราลดลง

ข่าวแนะนำ

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โรงสีข้าว ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ

บั้งไฟสิบล้านตกใส่โกดังโรงสีข้าว หลังคาทะลุ โชคดีไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บ ด้านโรงสีไม่ได้แจ้งความหรือดำเนินคดี

เชียงใหม่เลือกตั้งเทศบาลคึกคัก ยอดร้องเรียนเกือบ 30 เรื่อง

เชียงใหม่เลือกตั้งเทศบาล บรรยากาศช่วงเช้าเป็นไปอย่างคึกคัก ขณะที่ กกต.เผยยอดร้องเรียน เกือบ 30 เรื่องแล้ว

กกต. เผยเลือกตั้งเทศบาล มีคำร้อง 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิด กม.

ประธาน กกต. เผยยอดคำร้อง “เลือกตั้งเทศบาล” เพิ่มเป็น 352 เรื่อง เตือนอย่าทำผิดกฎหมาย พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ คาดรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ไม่เกิน 4 ทุ่ม

วธ.จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์-ตักบาตร เนื่องในวันวิสาขบูชา

วธ.จัดพิธีเจริญพระพุทธมนต์ ตักบาตร และเวียนเทียน เนื่องในเทศกาลวันวิสาขบูชา นำพุทธศาสนิกชนใช้หลักธรรมสืบสานพระพุทธศาสนา