รองคณบดีฯ เสียใจเหตุรับน้องโหด เร่งหาผู้เกี่ยวข้องมาลงโทษ

กรุงเทพฯ 16 ส.ค. – รองคณบดีฯ แถลงแสดงความเสียใจเหตุรุ่นพี่รับน้องโหด ยืนยันมหาวิทยาลัยมี กฎ ระเบียบห้ามรับน้อง เร่งตรวจสอบผู้เกี่ยวข้องเบื้องต้นมี 6 คน ย้ำโทษสูงสุดคือไล่ออก


จากกรณีที่ผู้ปกครองของนายต้น อายุ 20 ปี ที่ถูกรุ่นพี่ทำร้ายตนเองและพ่อ ภายในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจนได้รับบาดเจ็บ หลังพยายามขอทำเรื่องย้ายไปเรียนที่อื่น เนื่องจากถูกรุ่นพี่กลุ่มดังกล่าวรับน้องรุนแรง ใช้ไฟลนอวัยวะเพศ และเผาขนรักแร้ทุกวันจนจิตใจร่างกายบอบช้ำ

ล่าสุดรองคณบดีกิจการนักศึกษา คณะวิศวกรรมศาสตร์และสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยดังกล่าว แถลงขอแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น พร้อมยืนยันว่าทางมหาวิทยาลัยฯ มีกฎ ระเบียบ ประกาศห้ามรับน้อง หรือทำกิจกรรมที่ไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งมีการกำหนดบทลงโทษไว้แล้ว ซึ่งกิจกรรมรับน้องที่เกิดขึ้น เกิดนอกเวลาเรียนและนอกมหาวิทยาลัย ทำให้ทางมหาวิทยาลัยไม่เคยรับรู้ว่ามีการรับน้องเกิดขึ้น แต่เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้วมหาวิทยาลัยก็มีการตรววจสอบข้อเท็จจริงโดยเร็วที่สุด และมีบทลงโทษกับนักศึกษาที่มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบพิสูจน์ทราบตัวบุคคลว่ามีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่โทษสูงสุดคือไล่ออก


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิด เหตุการณ์รุมทำร้ายภายในมหาวิทยาลัย เบื้องต้นพบว่ากลุ่มทำร้ายมี 6 คน ทั้งกลุ่มเพื่อนและรุ่นพี่ และขณะเกิดเหตุมีอาจารย์ที่ปรึกษา 2 คน เห็นเหตุการณ์และพยายามเข้าไปห้ามปรามแล้ว แต่เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเร็วและชุลมุน ทำได้เพียงตะโกนขอความช่วยเหลือและประสานเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยปิดประตูทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัย เพื่อป้องกันคนออก แต่เมื่อมีคนเข้ามาช่วย กลุ่มคนร้ายก็รีบหลบหนีไปได้ โดยควบคุมตัวไว้ได้เพียง 2 คน ซึ่งอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์บอกว่า กำลังพานายต้น ผู้บาดเจ็บ ไปทำเรื่องย้ายเขตเรียน แต่จู่ ๆ ก็มีกลุ่มรุ่นพี่กรูเข้ามาทำร้าย และจากการข่าวพบว่ากลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเคยก่อเหตุรับน้องและทำร้ายรุ่นน้องมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่ยังอยู่ระหว่างการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียดอีกครั้ง

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ทำร้ายเกิดขึ้นภายในรั้วมหาวิทยาลัย ดังนั้นทางมหาวิทยาลัยก็จะช่วยรับผิดชอบค่ารักษาพยาบาล ส่วนกรณีที่ครอบครัวนายต้นบอกว่านายต้นถูกกลุ่มรุ่นพี่ตามไปคุกคามที่โรงพยาบาลขณะกำลังรักษาตัว จนครอบครัวต้องพาย้ายโรงพยาบาลนั้น ทางมหาวิทยาลัยยังไม่ได้รับทราบเรื่องนี้ แต่ก็จะเร่งตรวจสอบพฤติกรรมของรุ่นพี่กลุ่มนี้โดยเร็ว

ด้าน อว.เร่งตรวจสอบข้อเท็จจริง เหตุเด็กวิศวะ ม.ดัง รับน้องโหด ชี้โทษสูงถึงขั้นไล่ออก


ภายหลังจากการประชุมเกือบ 2 ชม. นางสาวสุชาดา แทนทรัพย์ เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.), ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสำรุฬห์ วัชรศรีสำเริง รองอธิการบดี และ พ.ต.อ.จาตุรนต์ อนุรักษ์บัณฑิต ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ได้เปิดเผยว่า จากเหตุที่เกิดขึ้น ทางกระทรวงศึกษาธิการ ได้สั่งการไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุดมศึกษาฯ ให้มีการหารือร่วมกับมหาวิทยาลัย เพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น พร้อมทั้งหารือแนวทางในการแก้ไข และป้องกันปัญหาต่างๆ โดยภายหลังจากการหารือ ทางมหาวิทยาลัย เปิดเผยว่า ไม่ได้มีการอนุญาตให้มีการรับน้องในพื้นที่มหาวิทยาลัยฯ โดยมีบทลงโทษชัดเจนหากมีการฝ่าฝืน โดยจะมีการดำเนินการขั้นสูงสุดคือ “ไล่ออก” โดยการตรวจสอบต้องใช้ระยะเวลา 2-3 วัน ในวันพรุ่งนี้ได้กำชับให้ทางมหาวิทยาลัยฯ ตรวจสอบข้อเท็จจริงต่างๆ และส่งข้อมูลให้ทาง อว. และคาดว่าวันจันทร์จะได้ทราบข้อเท็จจริง ว่ากิจกรรมดังกล่าวเป็นกิจกรรมรับน้องจริงหรือไม่

ส่วนการทำร้ายร่างกายเด็กและผู้ปกครองภายในมหาวิทยาลัย จะมีการดำเนินคดีอาญา โดยจะดำเนินการควบคู่กันไป

ด้านผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.ภาสำรุฬห์ รองอธิบดี เปิดเผยว่า ทางมหาวิทยาลัยมีมาตรการรักษาความปลอดภัยอยู่แล้วตามกฎของกระทรวงศึกษาธิการ มีรั้วรอบขอบชิด และมีพนักงานรักษาความปลอดภัยดูแลตลอดเวลา เพื่อป้องกันบุคคลภายนอกเข้ามาภายในสถานศึกษา ส่วนเมื่อวานนี้ที่ผู้ปกครองของผู้เสียหายเข้ามาในมหาวิทยาลัยฯ ก็สามารถทำได้ เนื่องจากเข้ามาดำเนินเรื่องการย้ายเขตการศึกษา ส่วนในกลุ่มผู้ก่อเหตุมีบุคคลภายนอกร่วมด้วยหรือไม่นั้น ทางมหาวิทยาลัยฯ ขอตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง ในส่วนการรับน้องนอกสถานที่ ถ้าเกี่ยวเนื่องกับทางมหาวิทยาลัยก็จะถือว่ามีความผิด และจะมีบทลงโทษเทียบเท่ากับการรับน้องภายในมหาวิทยาลัย

ในสถานที่เกิดเหตุ มีกล้องวงจรปิดจับภาพได้บางส่วน และอีกบางส่วนที่กล้องวงจรปิดไม่สามารถจับภาพได้ เชื่อว่ามีคลิปจากนักศึกษาโดยรอบถ่ายเก็บไว้ได้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานทั้งหมดไปประกอบกับสำนวน ส่วนอาจารย์ที่อยู่ในเหตุการณ์จะมีการสอบปากคำในฐานะพยาน เพราะสามารถบอกเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นได้

ทางด้าน ผกก.สภ.เมืองนนทบุรี ระบุว่าวันนี้จะมีการสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องเพิ่มเติม ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บได้นำตัวส่งโรงพยาบาลแล้ว และจะนำใบแพทย์มาประกอบในสำนวน แต่ขณะนี้ผู้บาดเจ็บรักษาตัวอยู่นอกเขต สภ.เมืองฯ จึงได้ประสานกับทาง สภ.ในพื้นที่ให้เข้าไปดูแลแล้ว

ผู้สื่อข่าวถามว่าผู้ก่อเหตุมีมากถึง 10 คน หรือไม่ ผกก.ระบุว่า ต้องรอตรวจสอบอีกครั้ง แต่เชื่อว่าในกลุ่มผู้ก่อเหตุมีเด็กในสถานศึกษาส่วนหนึ่ง และเด็กภายนอกอีกส่วนหนึ่ง โดยเชื่อว่าจะสามารถติดตามจับกุมตัวทั้งหมดได้ เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่าเด็กผู้ก่อเหตุได้ยังมาเรียนหนังสืออยู่ไหม ทางฝ่ายผู้บริหารได้มีการสั่งการไปยังคณะฯ ซึ่งทางคณะได้มีการเรียกสอบ นศ.ที่ก่อเหตุ และกัน นศ.กลุ่มดังกล่าวไว้ โดยยังไม่ได้อนุญาตให้เข้ามาในสถานศึกษา.- 420-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย

สภาหอการค้าไทย 18 ก.ย.-นายกฯ นั่งหัวโต๊ะ ร่วมถกสภาหอการค้าไทย ย้ำนำชื่อ ครม. ทูลเกล้าฯ แล้ว ลั่นลุยงานทันที หลังโปรดเกล้าฯ เผย “เอกนิติ” คัด รมช.คลัง มาเองกับมือ โวเร่งเศรษฐกิจไทยให้กลับมาเข้มแข็ง นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ระหว่างคณะรัฐบาล และคณะกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดยนายอนุทินกล่าวว่า มาวันนี้เพื่อพบกับทุกคน และมีว่าที่รัฐมนตรีที่ดูแลด้านเศรษฐกิจ ซึ่งทุกคนในที่นี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับตน เจอกันมานาน มีความสนิทสนมคุ้นเคย เคารพนับถือกันเป็นอย่างดี นายอนุทิน กล่าวว่า สิ่งที่มาวันนี้ เพื่อมาพบทุกท่านและนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจมาแนะนำให้รู้จัก เชื่อว่าหลายคนก็รู้จักกันดีอยู่แล้ว วันนี้ตั้งใจมารับฟังรายละเอียด และรับฟังข้อเสนอแนะจากสภาหอการค้าไทย รัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้เป็นรัฐบาลที่จะเน้นในการเร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศไทย ให้มีความกระชับและเข้มแข็งขึ้นเร็วที่สุด ภายใต้ระยะเวลาที่มีอยู่ นายอนุทินยังแนะนำผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งในคณะรัฐมนตรีของตนซึ่งได้ทูลเกล้าฯ ถวายรายชื่อไปแล้ว เมื่อมีการโปรดเกล้าฯ ก็จะเร่งแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา และสามารถบริหารราชการแผ่นดินได้ จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้แนะนำว่าที่คณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจให้ผู้ร่วมประชุมได้รู้จัก โดยในขณะที่แนะนำว่าที่รัฐมนตรี นายอนุทิน ได้กล่าวถึงนายวรภัค ธันยาวงษ์ ว่าที่รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ว่า เป็นคนฝีมือดี ซึ่งนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาส […]

พายุในทะเลจีนใต้ ส่อแรงขึ้นเป็นโซนร้อน ทำฝนเพิ่มระยะนี้

กรุงเทพฯ 18 ก.ย.-กรมอุตุฯ เตือนพายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบน มีแนวโน้มทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน แม้จะไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทยโดยตรง แต่ส่งผลให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านตอนกลางประเทศ ทำให้ไทยตอนบนมีฝนเพิ่มขึ้น และบางพื้นที่อาจมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ย้ำจะมีฝนตกต่อเนื่องถึงต้นเดือนตุลาคม นายสมควร ต้นจาน ผู้อำนวยการกองพยากรณ์อากาศเปิดเผยว่า พายุลูกดังกล่าวมีศูนย์กลางอยู่ที่ละติจูด 19.0 องศาเหนือ ลองจิจูด 120.0 องศาตะวันออก บริเวณประเทศฟิลิปปินส์ เคลื่อนลงสู่ทะเลจีนใต้ตอนบนแล้วในช่วงเช้าวันนี้ (18 ก.ย.) โดยมีความเร็วลมใกล้ศูนย์กลางประมาณ 55 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และกำลังเคลื่อนตัวไปทางทิศเหนือค่อนตะวันตกเล็กน้อย ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คาดว่า จะขึ้นฝั่งประเทศจีนตอนใต้ในช่วงวันที่ 19–20 กันยายน 2568 ทั้งนี้แม้พายุไม่ได้เข้าไทยโดยตรง แต่จากอิทธิพลทางอ้อมของพายุ จะดันให้ร่องมรสุมเลื่อนขึ้นพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบมีมรสุมตะวันตกเฉียงใต้พัดปกคลุมต่อเนื่อง ส่งผลให้หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะภาคตะวันออกและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ต้องเฝ้าระวังฝนตกหนักถึงหนักมากในช่วงวันที่ 18–25 กันยายนนี้ พื้นที่ที่มีแนวโน้มฝนตกสะสมในระดับเสี่ยง ได้แก่ จังหวัดอำนาจเจริญ อุบลราชธานี จันทบุรี และตราด ซึ่งอาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลากในพื้นที่ลาดเชิงเขา ใกล้ทางน้ำไหลผ่าน […]

โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ

กทม. 18 ก.ย.-โผ ครม. “อนุทิน” ลงตัว ไม่ถูกตีกลับ ขณะ “นายกฯ หนู” ยังนั่งดินเนอร์อาหารอีสานอย่างสบายใจ ท่ามกลางข่าวลือ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 ก.ย. มีกระแสข่าวลือว่ากระบวนการทูลเกล้าฯ รายชื่อคณะรัฐมนตรี ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี มีปัญหา ถูกตีกลับ เนื่องจากพบรายชื่อว่าที่รัฐมนตรีบางคน ติดปัญหาคุณสมบัตินั้น ล่าสุด แหล่งข่าว ยืนยันว่า รายชื่อคณะรัฐมนตรี ที่นำทูลเกล้าฯไปนั้น ไม่ได้มีปัญหาแต่ย่างใด ทุกอย่างลงตัวเรียบร้อยตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมาแล้ว โดยเรื่องคุณสมบัติ ได้ผ่านการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามาแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ในช่วง ค่ำวันนี้ (17 ก.ย.) ปรากฏภาพ นายอนุทิน นั่งรับประทานอาหารอีสานอย่างสบายใจ ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งกับคนใกล้ชิด ท่ามกลางข่าวลือที่เกิดขึ้น.-319.-สำนักข่าวไทย

ปิดล้อมกว่า 8 ชม. จับหนุ่มคลั่งควงปืนสงครามขู่ยิง ตร.

ศรีสะเกษ 17 ก.ย. – พ่อค้ายาเสพติดคลุ้มคลั่ง ควงปืนสงคราม AK-47 ขู่ยิงเจ้าหน้าที่ หลังถูกชุดปฏิบัติการ 238 พิทักษ์นครลำดวน สนธิกำลังตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบ้านเป้าหมายพื้นที่ อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ เกลี้ยกล่อมนานกว่า 8 ชั่วโมง สุดท้ายทนแรงกดดันไม่ไหว ยอมวางอาวุธมอบตัวแต่โดยดี เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อมนายวีระศักดิ์ อายุ 35 ปี มีประวัติพัวพันการค้ายาเสพติด ครอบครองอาวุธสงคราม และยังเป็นบุคคลตามหมายจับของศาลจังหวัดสุรินทร์ ซึ่งวิ่งเข้าไปหลบภายในบ้าน ต.หนองกุง อ.โนนคูณ จ.ศรีสะเกษ หลังตำรวจแสดงตัวเข้าตรวจค้น เพราะได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านว่าเป็นเครือข่ายค้ายาเสพติดรายสำคัญในพื้นที่ มีพฤติกรรมอุกอาจ แต่นายวีระศักดิ์กลับวิ่งไปหยิบอาวุธปืนสงคราม AK-47 ออกมาขู่เจ้าหน้าที่ พร้อมตะโกนด้วยเสียงดุดันว่าถ้าเข้ามาจะยิง จากนั้นรีบหลบกลับเข้าไปในบ้าน เจ้าหน้าที่ต้องระดมกำลังทั้งตำรวจ ทหาร และฝ่ายปกครอง ปิดล้อมบริเวณโดยรอบอย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันเหตุร้าย บรรยากาศตึงเครียด เจ้าหน้าที่พยายามใช้ยุทธวิธีเจรจาเกลี้ยกล่อม ทั้งให้พ่อแม่และญาติสื่อสารทางโทรศัพท์ หวังให้ผู้ต้องหายอมมอบตัวแต่ไม่เป็นผล เนื่องจากนายวีระศักดิ์ยังอยู่ในอาการคลุ้มคลั่งจากการเสพยาบ้า ถือปืนพร้อมยิงตลอดเวลา นานกว่า 8 ชั่วโมง […]