มีนบุรี 9 ก.ย..-สปสช. ลงพื้นที่ “คลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า” หน่วยบริการร่วมบัตรทอง บริการด้านทันตกรรมส่งเสริมป้องกัน เผย 5 เดือน ดูแลรักษาและส่งเสริมป้องกันสุขภาพช่องปากชาว กทม. กว่า 1.5 พันราย ทั้งเคลือบหลุมร่องฟัน ทาฟูลออไรด์วานิช และขูดหินปูนในหญิงตั้งครรภ์ อุดฟัน และถอนฟัน เผยปี 62 มีคลินิกทันตกรรมเอกชนร่วมโครงการฯ 82 แห่ง
ทพ.อรรถพร ลิ้มปัญญาเลิศ รองเลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นพ.วีระพันธ์ ลีธนะกุล ผู้อำนวยการ สปสช. เขต 13 กทม.ลงพื้นที่ “คลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า” เขตมีนบุรี ซึ่งเป็นหนึ่งในคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการหน่วยบริการร่วมให้บริการด้านทันตกรรมส่งเสริมป้องกัน
ทพ.อรรถพร กล่าวว่า โครงการหน่วยบริการร่วมให้บริการด้านทันตกรรมเป็นหนึ่งใน 4 โครงการเชิงรุกของ สปสช.เขต 13 กทม. เพื่อดูแลชาว กทม.ให้มีสุขภาพที่ดี เป็นที่ทราบกันดีว่าการดูแลสุขภาพในช่องปากและฟันเป็นสิ่งสำคัญเพราะเป็นหนึ่งในปัจจัยที่นำมาสู่สุขภาพที่ดี หากเคี้ยวอาหารไม่ได้หรือช่องปากมีปัญหา ร่างกายจะมีปัญหาสุขภาพอื่นตามมาได้ ดังนั้นภายใต้กองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง) ได้บรรจุบริการด้านทันตกรรมส่งเสริมป้องกันและทันตกรรมรักษาตามช่วงกลุ่มวัยไว้ในชุดสิทธิประโยชน์ เพื่อดูแลประชาชนให้มีสุขภาพช่องปากและฟันที่ดีในกรุงเทพมหานครมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่น ทั้งประชากรที่มีทะเบียนบ้านในกรุงเทพฯ และประชากรแฝง รวมกว่า 10 ล้านคน แต่มีหน่วยบริการทันตกรรมในโรงพยาบาลน้อย สปสช.เขต 13 กทม.จึงได้ขยายบริการทันตกรรมส่งเสริมป้องกันไปยังหน่วย บริการร่วมทภาครัฐและเอกชน เพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการได้ ซึ่งในปี 2562 มีหน่วยบริการร่วมทันตกรรมเพิ่มเติม จำนวน 150 แห่ง โดยเป็นศูนย์บริการสาธารณสุข กทม.68 แห่ง และคลินิกทันตกรรมเอกชน 82 แห่ง โดยให้บริการควบคุมและป้องกันปัญหาสุขภาพช่องปากและฟันผุในทุกกลุ่มวัย เน้นกลุ่มเด็กปฐมวัยและกลุ่มผู้สูงอายุ เช่น ตรวจสุขภาพช่องปากและฟัน พร้อมให้คำแนะนำ เคลือบฟลูออไรด์เจลหรือทาฟลูออไรด์วาร์นิชในกลุ่มเสี่ยงสำหรับเด็ก /การเคลือบฟลูออไรด์เจล หรือทาฟลูออไรด์วาร์นิชเข้มข้นสูงเฉพาะที่สำหรับเด็กอายุ 6-20 ปี เคลือบหลุ่มร่องฟันหลังถาวรซี่ที่ 6,7 และ 4,5 ทาฟูลออไรด์วานิชสำหรับผู้สูงอายุ ขูดหินปูนและทำความสะอาดฟันทั้งปากในหญิงตั้งครรภ์ อุดฟัน และถอนฟัน เป็นการส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น “คลินิกทันตกรรมไอวอรี่เฮ้า” เป็นหนึ่งในคลินิกทันตกรรมเอกชนที่เข้าร่วมโครงการฯ กับ สปสช. ให้บริการด้านทันตกรรมกับประชาชนในพื้นที่กรุงเทพมหานครที่มีเลขบัตรประชาชน 13 หลัก ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน – 31 สิงหาคม 2562 ได้ให้บริการประชาชนแล้วกว่า 1,500 ราย โดยทางคลินิกทันตกรรมจะเบิกจ่ายชดเชยค่าบริการจากกองทุนหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ นับเป็นตัวอย่างของความร่วมมือระหว่างหน่วยงานภาครัฐและเอกชน และการสร้างการมีส่วนร่วมเพื่อร่วมดูแลสุขภาพให้กับประชาชน
ด้าน นพ.วีระพันธ์ กล่าวว่า กรุงเทพมหานครเป็นพื้นที่พิเศษ เป็นเมืองที่มีความซับซ้อน การให้ชาว กทม.เข้าถึงบริการจึงต้องมีการพัฒนารูปแบบการจัดบริการอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถรองรับการดูแลประชากรและวิถีชีวิตของชาว กทม.ได้ ซึ่งความร่วมมือหน่วยบริการร่วมทันตกรรมด้านส่งเสริมสุขภาพและป้องกันโรคเป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดบริการที่ สปสช.เขต 13 กทม. เร่งพัฒนา ให้เป็นทางเลือกหนึ่งในการเข้าถึงบริการทันตกรรมส่งเสริมและป้องกัน และยังช่วยลดคิวการรอคอยรับบริการทันตกรรมที่โรงพยาบาลลงด้วย .-สำนักข่าวไทย