รัฐสภา 9 ก.ย.-ที่ประชุมวุฒิสภาพิจารณากระทู้ปัญหาเด็กแว้นประมาทไม่มีใบขับขี่ รมช.คมนาคม ยืนยันรัฐบาลให้ความสำคัญ พร้อมเพิ่มโทษ ชี้ผู้ปกครองมีบทบาทช่วยลดปัญหา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การประชุมวุฒิสภา วันนี้ (9 ก.ย.) นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยได้พิจารณากระทู้ถามรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เรื่อง ปัญหาเด็กหรือวัยรุ่นขับรถยนต์ รถจักรยานยนต์โดยไม่มีใบขับขี่และขับด้วยความประมาท ซึ่ง นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.เป็นผู้ตั้งกระทู้ถาม เนื่องจากต้องการให้รัฐบาลมีมาตรการในการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุบัติเหตุบนท้องถนนที่เกิดจากเด็กหรือวัยรุ่นอย่างจริงจัง
โดย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นผู้ตอบกระทู้ถามชี้แจงว่า รัฐบาลให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชนขับขี่รถจักรยานยนต์โดยไม่มีความปลอดภัย โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ให้ทำอันดับสถิติของการเกิดอุบัติเหตุลดลงจากอันดับ 1 มาเป็นอันดับ 9 แต่เนื่องจากตัวเลขการสูญเสียยังมีอัตราสูง และส่วนใหญ่เป็นกลุ่มเยาวชนอายุ 15-19 ปี จึงกำหนดมาตรการระยะสั้น เน้นการบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น เพิ่มโทษ ยึดรถ แจ้งผู้ปกครอง ส่วนระยะยาวจัดอบรมให้ความรู้เกี่ยวกับความปลอดภัยบนท้องถนนและการทำใบขับขี่ให้นักเรียนรุ่นใหม่
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวด้วยว่า การแก้ปัญหาอุบัตินั้น ผู้ปกครองและครู ถือมีส่วนสำคัญในการสร้างความรู้ความเข้าใจกับเด็กและเยาวชนในเรื่องการขับขี่ปลอดภัย ซึ่งหากทุกภาคส่วนร่วมมือกันปลูกฝังความรู้ตั้งแต่ครอบครัว ก็จะทำให้ลดการเกิดอุบัติเหตุได้อีกทางหนึ่ง
ส่วนปัญหาเด็กแว้นนั้น นายอธิรัฐ ชี้แจงว่า หากมีการจับกุมเยาวชนที่กระทำผิดได้ จะมีการทำทัณฑ์บนผู้ปกครอง และจะต้องวางหลักทรัพย์ค้ำประกัน หากมีการกระทำผิดซ้ำ ผู้ปกครองจะถูกยึดหลักทรัพย์ดังกล่าว
ขณะที่กระทู้ถามเรื่องปัญหาคุณภาพและประสิทธิภาพของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ติดตามตัวบุคคลในกระบวนการยุติธรรม หรือ เครื่อง EM ที่นายวัลลภ ตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเลื่อนมาจากการประชุมสัปดาห์ก่อนนั้น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ได้แจ้งว่าติดราชการไปประชุมระดับคณะรัฐมนตรี ที่ประเทศเวียดนาม ระหว่างวันที่ 9-10 กันยายน 2562 จึงขอเลื่อนการตอบกระทู้ถามไปเป็นวันที่ 4 พฤศจิกายน ซึ่งเป็นสมัยการประชุมสามัญที่ 2 ปี 2562.-สำนักข่าวไทย