รัฐสภา วันนี้ ( 17 ต.ค.) กมธ.เด็กฯ วุฒิสภา พร้อม 108 องค์กร ประกาศเจตนารมณ์ 8 ข้อลดความรุนแรงในสังคม หลังเกิดเหตุโศกนาฎกรรมหนองบัวฯ ส่งนายกฯ พิจารณาวันนี้ รอตั้งกระทู้ถามเวทีวุฒิฯ พร้อมแนะออกพ.ร.ก.คุมปืนเถื่อน
นายวัลลภ ตังคณานุรักษ์ ส.ว.ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคม และกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการและผู้ด้อยโอกาส วุฒิสภา แถลงว่า จากเหตุการณ์โศกนาฎกรรมที่ จ.หนองบัวลำภู ทาง กมธ.ได้ระดมความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายภาคส่วนเพื่อหารือพูดคุยร่วมกันเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมที่ผ่านมา จนตกผลึกโดยมีองค์กรร่วมลงชื่อผลักดันจำนวน 108 องค์กร เพื่อประกาศเจตนารมณ์ 8 ข้อเพื่อแสดงปณิธานในการลดปัญหาความรุนแรงในสังคมไทย ได้แก่ 1.จะร่วมกันผลักดันให้เกิดการจัดการปัญหายาเสพติด โดยเฉพาะการค้ายาเสพติดที่ต้องมีการประกาศสงคราม รวมถึงในเชิงป้องกัน ปกป้องคุ้มครอง ปรามปราม และบำบัดเยียวยา โดยร่วมกันถอดบทเรียน วางแผน และปฏิบัติตามแผนอย่างเต็มกำลังความสามารถและบังคับใช้อย่างเข้มงวด
2.จะร่วมกันผลักดันให้สามารถขจัดปัญหาการครอบครองอาวุธปืน ทั้งปืนเถื่อนที่ผิดกฎหมาย และจำกัดการใช้อาวุธปืนที่ถูกกฎหมาย ทั้งในระดับบุคคล องค์กรและประเทศ โดยคำนึงถึงมิติสุขภาพกาย สุขภาพจิต และการใช้งานอย่างเข้มงวด 3.จะร่วมกันสร้างความตระหนักถึงปัญหาการใช้ความรุนแรงในสังคมทุกมิติ และร่วมกำจัดปัจจัยที่สนับสนุนหรือกระตุ้นให้เกิดความรุนแรงในครอบครัว ชุมชน และสังคมโดยด่วน เช่น ปัญหาเนื้อหาในเกม ข่าว ละคร ภาพยนตร์ หรือสื่อออนไลน์อื่นๆ ที่มีการเสนอความรุนแรงอย่างไม่เหมาะสม
นายวัลลภ กล่าวต่อว่า 4.จะร่วมกันกำหนดมาตรการป้องกันเด็กและเยาวชน เพื่อให้ได้รับการเลี้ยงดูที่เหมาะสมได้มาตรฐาน ไม่ตกเป็นเหยื่อของความรุนแรงโดยง่าย 5.จะร่วมกันสนับสนุนการวางแผนการศึกษาวิจัยและการใช้นวัตกรรมเพื่อการพัฒนาศักยภาพด้านการรู้เท่าทัน และทักษะการป้องกันปัญหาความรุนแรงแก่เด็กและเยาวชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะครอบครัว 6.จะร่วมกันผลักดันให้มีการสำรวจพฤติกรรมพลังบวก เช่น ดัชนีชี้วัดคุณธรรมประชาชนคนไทยรายจังหวัดทั่วประเทศ
7.จะสื่อสารถึงเหตุการณ์ดังกล่าวอย่างระมัดระวังและเหมาะสม ภายใต้จริยธรรมกฎหมาย และ 8.จะหลีกเลี่ยงการสื่อสารที่ตอกย้ำและซ้ำเติมบาดแผลในจิตใจของเด็ก เยาวชน และครอบครัวผู้ประสบเหตุ โดยทาง กมธ.จะส่งเจตนารมณ์ดังกล่าวให้กับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีภายในวันนี้ เพื่อพิจารณาโดยด่วน และจะใช้เวทีวุฒิสภาหารือในที่ประชุมและตั้งกระทู้ถาม พร้อมทั้งนำผลเจตนารมณ์ดังกล่าวเข้าสู่การอภิปรายเพื่อให้ประชาชนรับรู้ต่อไปด้วย
สำหรับกรณีที่นิด้าโพลเปิด เผยผลสำรวจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยที่กฎหมายยึดหลักผู้เสพคือผู้ป่วย นายวัลลภ กล่าวว่า เราก็เห็นพ้องต้องกันว่าผู้เสพติดมีหลายลักษณะ ต้องไปดูรายละเอียดของบุคคล ความหนักหนาสาหัสของแต่ละกรณี และการติดยาเสพติดซ้ำของแต่ละคน ซึ่งการรับโทษตามที่กฎหมายกำหนดให้ติดคุก 1 ใน 3 ถึงจะสามารถลดโทษได้ แต่กรณียาเสพติดจะต้องดูว่าเป็นยาเสพติดประเภทใด มีจำนวนเท่าไร และระยะเวลาการเสพยานานแค่ไหน จะใช้สูตรสำเร็จแบบเดิมในการลดโทษไม่ได้
ส่วนกรณีการใช้อาวุธปืนทำร้ายกัน พบว่าร้อยละ 90 มาจากปืนเถื่อน การรอกฎหมายจากกระทรวงมหาดไทยคงช้าไป ตนคิดว่าต้องมีการออกพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้นำปืนเถื่อนมาคืนภายใน 3 เดือน และจำกัดสิทธิการถือครองว่าจะถือครองได้คนละกี่กระบอก มีอายุการถือครองเท่าไร ซึ่งไม่ควรให้ถือครองตลอดชีพ แต่ต้องมีการจำกัดเวลาเพื่อพิจารณาพฤติกรรมของผู้ถือครองตามระยะเวลาที่เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย