กาญจนบุรี 31 ส.ค.- ลูกนำศพแม่เฒ่าวัย 88 ปีฝากไว้ในโกดังเก็บศพมูลนิธิฯ หลังไม่มีฤกษ์ฝัง 5 ปีผ่านไปเข้าไปขอรับศพกลับ แต่ถูกบ่ายเบี่ยง ศพหายไร้ร่องรอย
กรณีศพแม่เฒ่าวัย 88 ปี หายไปพร้อมกับโลงจำปา หลังเสียชีวิตเมื่อปี 57 ลูกๆ ชาย-หญิง รวม 8 คน ได้นำศพแม่ไปฝากไว้ในโกดังเก็บศพมูลนิธิตระกูลหนึ่ง เนื่องจากยังไม่มีฤกษ์วันฝัง หรือทำพิธีทางศาสนาตามความเชื่อได้ ผ่านมา 5 ปี ล่าสุดครอบครัวไปดูฤกษ์วันฝัง พระบอกมีฤกษ์ฝังได้ปีนี้ จึงนิมนต์พระพร้อมจ้างคนหามโลงไปติดต่อทางสุสานของมูลนิธิ แจ้งความประสงค์จะขอนำศพในโกดังไปทำพิธีบรรจุในฮวงจุ้ย แต่กลับพบว่า ศพของแม่ที่ใส่โลงจำปาสีดำ ตั้งอยู่ภายในโกดังเก็บศพใส่กุญแจ มานาน 5 ปี ได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปตรวจสอบที่สุสานของมูลนิธิตระกูลอึ้งสงเคราะห์ ตั้งอยู่ที่หมู่ 8 บ้านหนองไร่ ต.ตะค้ำเอน อ.ท่ามะกา จ.กาญจนบุรี เพื่อสอบถามกรณีดังกล่าว พบภายในที่ทำการของมูลนิธิฯ กำลังทำพิธีเซ่นไหว้บรรพบุรุษตามธรรมเนียมจีนโบราณ รวมทั้งในพิธีเซ่นไหว้ยังมีการเรียกประชุมคณะกรรมการชุดใหม่ที่หมดวาระลงในระยะเวลา 5 ปี และสมาชิกเพื่อชี้แจงงบรายรับรายจ่ายประจำปี
นายศวีระ พฤษาอุดมชัย อายุ 57 ปี เปิดเผย แม่เสียชีวิตไปเมื่อปี 2557 ตอนนั้นไม่มีฤกษ์ฝังศพ ตามความเชื่อถือของคนจีน ถ้าหากนำศพไปฝังปีนั้น จะไม่ดีต่อลูกหลาน ทางครอบครัวจึงปรึกษากันและมีความเห็นว่า ให้นำศพแม่ไปฝากไว้ในโกดังของมูลนิธิฯ ช่องที่ 5 เป็นเวลา 5 ปี แล้วค่อยนำศพมาฝังตามพิธีทางศาสนาของคนจีน โดยจ่ายเงินค่าเช่าพื้นที่ฝากศพจำนวน 3,000 บาท และค่าบำรุงดูแลรักษาหลุมฝังศพอีกปีละ 3,000 บาท
กระทั่งเมื่อ 26 ส.ค.ที่ผ่านมา ตนและพี่น้องรวม 8 คน ได้เดินทางมาที่โกดังเก็บโลงศพของมารดา แจ้งความประสงค์ต่อเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิฯ ซึ่งเป็นผู้ถือกุญแจโกดัง ว่าจะขอนำศพที่ฝากไว้ในโกดังออกมาทำพิธีฝัง แต่ก็ได้รับคำตอบจากเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลว่า ช่องหมายเลขที่ 5 ภายในโกดังว่างเปล่า ไม่มีศพแล้ว ตนและพี่ๆ น้องๆ บอกจะไม่มีได้อย่างไร เมื่อขอกุญแจโกดังเพื่อเปิดดู ก็ได้รับการปฏิเสธ อ้างว่ามันใกล้มืดแล้ว ตนและพี่น้องจึงเดินทางกลับบ้าน กระทั่งวันที่ 27 ส.ค. ตนและพี่น้องได้ไปนิมนต์เจ้าอาวาสวัดถาวรวราราม (วัดญวน) และว่าจ้างคนงานมาช่วยกันยกโลงศพในโกดังด้านหลังที่ทำการมูลนิธิฯ เพื่อไปทำพิธีฝังศพที่สุสาน ภายในโกดังที่เก็บศพนั้น ช่องหมายเลข 5 นั้นว่างเปล่า ไม่มีศพของแม่ จึงสอบถามคนถือกุญแจโกดังเก็บศพ ก็พูดจาบ่ายเบี่ยง อ้างว่าไม่รู้ไม่เห็นว่าใครเป็นคนเอาศพไป อีกเหมือนเดิม
จึงเข้าแจ้งความตำรวจ แต่ทางพนักงานสอบสวน สภ.ท่ามะกา บอกว่าตอนนี้ทำได้เพียงลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน ส่วนจะร้องทุกข์กล่าวโทษต้องให้ประธานมูลนิธิฯ เป็นคนมาแจ้งความ เนื่องจากเป็นเจ้าของสถานที่
นายศวีระ บอกอีกว่า ใครไม่เป็นตน ไม่รู้หรอกว่า มันเสียความรู้สึกขนาดไหนที่ศพแม่หายไปอย่างไร้ร่องรอยแบบนี้ สอบถามก็พยายามพูดจาบ่ายเบี่ยงหาข้อมูลไม่ได้ว่า การที่ศพหายเกิดจากสาเหตุอะไร ไม่เป็นศพพ่อแม่ หรือบรรพบุรุษใครไม่รู้
ล่าสุด ได้เข้าเจรจาเรื่องนี้กับทางประธานและกรรมการของมูลนิธิฯ ทางมูลนิธิจะเข้าแจ้งความให้ ส่วนเรื่องตรวจสอบกรณีศพหายไปจากโกดัง คาดว่าคงเกิดขึ้นมานานหลายปีแล้ว เป็นกรรมการชุดเก่า บางคนหมดวาระ บางคนเสียชีวิตไปแล้วก็มี โดยประธานและกรรมการชุดใหม่ขอเวลา 2 อาทิตย์ แล้วจะนัดหมายมาพูดคุยว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป.-สำนักข่าวไทย