เกษตรฯ แจงประกันรายได้เกษตรกรชาวสวนยาง

กรุงเทพฯ 26 ส.ค. – เกษตรฯ เชิญทุกภาคส่วนรับฟังแผนประกันรายได้ชาวสวนยางพารา เพิ่มการใช้ยางพาราทั้งหน่วยงานรัฐและภาคเอกชน ลดภาษีให้เป็นแรงจูใจ เร่งเสนอ ครม.เห็นชอบเร็วที่สุด 



นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ได้เชิญทุกภาคส่วนมาประชุมสรุปแผนการดำเนินงานโครงการประกันรายได้ชาวสวนยางพารา เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรชาวสวนยางและลดผลกระทบให้แก่เกษตรกรกรณีราคายางพาราตกต่ำ เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องขึ้นทะเบียนกับการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) ก่อนวันที่ 12 สิงหาคม 2562 มี 1,129,330 ราย พื้นที่ 13,326,540 ไร่ กรอบวงเงินงบประมาณ 33,074,031,095 บาท ซึ่งจะพิจารณาแผนปฏิบัติการตามที่ กยท. เสนอมา หากได้ข้อสรุป กยท.จะเสนอบอร์ดเห็นชอบ จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายยางธรรมชาติ (กนย.) แล้วนำเข้าสู่การพิจารณาของ ครม.พิจารณาโดยเร็วที่สุด


ทั้งนี้ กยท.กำหนดปริมาณผลผลิตยางที่จะประกันรายได้เป็นยางแห้ง 20 กิโลกรัม/ไร่/เดือน รายละไม่เกิน 25 ไร่ ระยะเวลาประกันรายได้ 6 เดือน ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – เดือนมีนาคม 2563 ราคายางที่ประกันรายได้กำหนดให้สำหรับยางแผ่นดิบคุณภาพดี 60 บาท/กิโลกรัม น้ำยางสด (DRC 100%) 57.00 บาท/กิโลกรัม และยางก้อนถ้วย (DRC 100%) 50.00 บาท/กิโลกรัม นอกจากนี้ ยังกำหนดให้เกษตรกรชาวสวนยางที่เข้าร่วมโครงการต้องปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นหรือเลี้ยงปศุสัตว์ร่วมในสวนยาง เป็นต้น เพื่อเพิ่มรายได้อย่างความยั่งยืน สำหรับการจ่ายเงินจะโอนเข้าบัญชีของเกษตรกรผ่านธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) โดย 2 เดือนจ่าย 1 ครั้ง

นายเฉลิมชัย กล่าวต่อว่า กำลังเร่งประสานกับหน่วยราชการต่าง ๆ ทำข้อตกลงรับซื้อยางจากสถาบันเกษตรกรเพื่อนำไปแปรรูปใช้ตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี ในการประชุมวันนี้จะขอความร่วมมือผู้ประกอบการให้เพิ่มสตอกยาง (ยางแห้ง) ซึ่งมีโครงการสนับสนุนสินเชื่อเป็นเงินทุนหมุนเวียนแก่ผู้ประกอบกิจการยาง วงเงินกู้รวมทั้งสิ้น 20,000 ล้านบาท เพื่อดูดซับยางออกจากระบบให้ได้ 11% ของผลผลิตยางแห้ง 350,000 ตัน โดยผู้ร่วมโครงการต้องมีสตอกยางเพิ่มขึ้นมากกว่าสตอกเฉลี่ยย้อนหลัง 1 ปี รัฐบาลสนับสนุนชดเชยดอกเบี้ยอัตราไม่เกิน 3% รวมไม่เกิน 600 ล้านบาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 ถึงกันยายน 2563 เงินกู้สำหรับขยายกำลังการแปรรูปผลิตภัณฑ์ยาง 25,000 ล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการต้องใช้ยางมากขึ้นอย่างน้อย 4 ตันต่อปี ต่อวงเงินกู้ 1 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับการชดเชยดอกเบี้ยไม่เกิน 3% ประมาณการณ์ว่า จะทำให้การใช้ยางในประเทศเพิ่มขึ้น 100,000 ตันต่อปี นอกจากนี้ ยังมีมาตรการลดภาษีเพื่อเป็นแรงจูงใจ โดยผู้ประกอบการที่เพิ่มปริมาณการใช้ยางมากขึ้นกว่าปีก่อนสามารถนำค่าใช้จ่ายในการซื้อยางวัตถุดิบไปลดหย่อนภาษีจากกรมสรรพากรได้ถึง 2 เท่าของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริงตั้งแต่เดือนตุลาคม – ธันวาคม 2562


ส่วนผู้แทนสถาบันเกษตรกรนั้น กระทรวงเกษตรฯ จะทำความเข้าใจถึงการบริหารจัดการผลผลิตให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ซึ่งจำเป็นต้องลดพื้นที่ปลูกยางลง 400,000 ไร่ หากปรับพื้นที่ปลูกยางไปปลูกพืชอื่น ทำปศุสัตว์ หรือประมง รัฐบาลสนับสนุนไร่ละ 10,000 บาท ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2562 – กันยายน 2567 รวมถึงการขยายเวลาโครงการสนับสนุนสินเชื่อเพื่อเป็นทุนแก่สถาบันเกษตรกรเพื่อรวบรวมยางพาราไปอีกจนถึง 31 มีนาคม 2567 วงเงินรวม  10,000 ล้านบาท ในการรวบรวมยางจากเกษตรกรได้ไม่น้อยกว่า 700,000 ตันต่อปี หากทำได้ตามมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาวนี้จะทำให้ราคายางปรับตัวสูงขึ้นตามกลไกตลาด

“จะลดการพึ่งพาตลาดกลางต่างประเทศ เนื่องจากมีปัจจัยหลายประการที่บิดเบือนราคา ในฐานะที่ไทยเป็นผู้ส่งออกยางอันดับ 1 ของโลก ควรมีตลาดกลางของตัวเองเป็น New Rubber Market กำหนดราคาเองจะทำให้ราคายางพารามีเสถียรภาพอย่างยั่งยืน” นายเฉลิมชัย กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลฯ “กานต์” ส่อเข้าป้าย

เลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี “กานต์” หมายเลข 1 จากเพื่อไทย ส่อเข้าป้าย ด้าน ปชน. แถลงยอมรับยังไม่เป็นที่ไว้วางใจ ส่วนอุตรดิตถ์ “ชัยศิริ” อดีตนายก อบจ. ส่อเข้าวิน

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

กกต.สั่งเอาผิดอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีใช้จ่ายเท็จ

กกต.สั่งดำเนินคดีอาญา “ชวาล” สส.ปชน. ยื่นบัญชีค่าใช้จ่ายเลือกตั้งไม่ตรงความเป็นจริง โทษหนักทั้งจำคุก-ตัดสิทธิ 5 ปี

ข่าวแนะนำ

“พิธา-ทักษิณ” ช่วยหาเสียงผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่

“พิธา” ลงพื้นที่ตลาดต้นลำไย จ.เชียงใหม่ พบปะพี่น้องประชาชน ด้านพรรคเพื่อไทย “ทักษิณ” ขึ้นเวทีแนะนำ “พิชัย เลิศพงศ์อดิศร หรือ สว.ก๊อง” ผู้สมัครนายก อบจ.เชียงใหม่

ไตรภาคีเคาะแล้ว! ค่าจ้างขั้นต่ำ มีผล 1 ม.ค.68

ไตรภาคี เคาะค่าจ้าง 400 บาท ลูกจ้าง 4 จังหวัด 1 อำเภอ “ภูเก็ต-ฉะเชิงเทรา-ชลบุรี-ระยอง-อ.เกาะสมุย” มีผล 1 ม.ค.68 ขึ้นค่าจ้าง 7-55 บาท 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้วันละ 337 บาท

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค

“ภูมิธรรม” สั่งปิดชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก 1 เดือน สกัดอหิวาตกโรค ไม่ให้ระบาดในไทย พร้อมยกมาตรรักษาสุขภาวะในพื้นที่อย่างเข้มข้น