เวียดนาม 20 ส.ค.- ทีมเทควันโดต่อสู้ของไทยไร้เหรียญทองในศึกเอเชียน โอเพ่น 2019 ที่เวียดนาม โดยหวังกลับมาแก้ไขจุดอ่อน เพื่อเจ้าซีเกมส์ 2019 และโควตาโอลิมปิกเกมส์ 2020 ที่ญี่ปุ่น
ศึกเอเชียน โอเพ่น เทควันโด แชมเปียนชิพส์ 2019 ที่นครโฮจิมินห์ ประเทศเวียดนาม ปิดฉากลงไปแล้ว โดยทีมเทควันโดประเภทต่อสู้ของไทย ทำได้เพียงแค่ 2 เหรียญเงิน 5 เหรียญทองแดง จากที่ก่อนไปแข่งขันทีมไทยตั้งความหวังเหรียญทองเอาไว้ที่ 2 นักกีฬาตัวหลัก “น้องนก” พรรณนภา หาญสุจินต์ แชมป์โลก ปี 2019 กับ “จูเนียร์” รามณรงค์ เสวกวิหารี แต่เนื่องจากโปรแกรมการแข่งขันที่มีอย่างต่อเนื่อง ทำให้น้องนก ที่มีอาการบาดเจ็บต้นขาขวา กับ จูเนียร์ ที่บาดเจ็บหลังเท้า ต้องฝืนลงแข่งขัน เพราะถือเป็นหนึ่งในรายการเก็บคะแนนสะสมไปโอลิมปิกเกมส์ 2020 ซึ่งทั้งสองคนยังหวังที่จะคว้าโควตาตาม “น้องเทนนิส” พาณิภัค วงศ์พัฒนกิจ ที่คว้าโควตารุ่น 49 กิโลกรัมหญิงแน่นอนแล้ว โดยจากนี้ “น้องนก” กับ “จูเนียร์” จะต้องทำผลงานในรายการใหญ่ที่เหลือให้ดีที่สุด เริ่มจากเวิลด์กรังด์ปรีซ์ วันที่ 13-15 กันยายน ที่เมืองชิบะ ประเทศญี่ปุ่น ต่อด้วยเวิลด์กรังด์ปรีซ์ ไฟนอล วันที่ 6-7 ธันวาคม ที่กรุงมอสโก ประเทศรัสเซีย ซึ่งหากพลาดติด 1 ใน 6 จากการประกาศอันดับวันที่ 1 มกราคม 2020 ก็ต้องไปลุ้นควอลิฟาย ทวีปเอเชีย ครั้งสุดท้าย วันที่ 10-11 เมษายน ที่เมืองหวูซี ของจีน สำหรับแชมป์และรองแชมป์ในแต่ละรุ่นเท่านั้น
ด้าน “โค้ชเช” เช ยอง ซอก หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทยชาวเกาหลีใต้ บอกว่า ตนเองไม่ตำหนินักกีฬาที่ไม่ได้เหรียญทอง เนื่องจากหลายคนยังมีอาการบาดเจ็บ แต่ยอมรับว่าหลายชาติในอาเซียนมีพัฒนาการที่ดีขึ้นมาก โดยเฉพาะ อินโดนีเซียและฟิลิปปินส์ ซึ่งจากนี้ต้องกลับไปปรับแก้จุดอ่อนและคัดเลือกนักกีฬาชุดดีที่สุดไปแข่งขันซีเกมส์ โดย “น้องเทนนิส” พานิภัค วงศ์พัฒนกิจ จะเป็นตัวหลักไล่ล่าเจ้าอาเซียนอีกสมัยอย่างแน่นอน
ความผิดพลาดจากการแข่งขัน และอาการบาดเจ็บของนักกีฬาเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ถ้าหากนำมาเป็นบทเรียน และเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับร่างกายนักกีฬา เพื่อลดอุปสรรคจากตัวแปรเหล่านี้ ที่เหลือก็อยู่ที่การฝึกซ้อมและจิตใจของนักกีฬาว่าจะทำได้ดีแค่ไหนเมื่อเข้าสู่สังเวียนการแข่งขัน.-สำนักข่าวไทย