กรุงเทพฯ 19 ส.ค. – เอกชนเชื่อมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลจะช่วยพยุงเศรษฐกิจ หลังเม็ดเงินถูกใช้จ่ายไปแล้ว 2-3 เดือน แต่เม็ดเงินควรใช้จ่ายกับเอสเอ็มอี เพื่อเงินจะได้กลับมาหมุนในเศรษฐกิจหลาย ๆ รอบ
นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) คาดหวังว่ามาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่ ครม.เศรษฐกิจอนุมัติล่าสุดและกำลังจะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณา ครม.สัปดาห์นี้ โดยเฉพาะมาตรการช่วยเหลือผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศหนุนจีดีพีดีขึ้นในช่วงเวลา 2-3 เดือน หลังเม็ดเงินได้รับการส่งไปถึงมือผู้ถือบัตร และต้องการให้เงินเหล่านี้ถูกใช้จ่ายไปซื้อสินค้าของกลุ่มผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) เป็นหลัก เพราะเอสเอ็มอีจะนำเม็ดเงินที่ได้รับนี้กลับออกมาใช้จ่ายหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจได้อย่างรวดเร็ว ซึ่ง ส.อ.ท.คาดหวังว่า จะมีการหนุมเวียนของเม็ดเงินหลาย ๆ รอบได้จะยิ่งส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ อย่างไรก็ตาม ต้องเป็นมาตรการระยะสั้นเท่านั้น ทั้งนี้ รัฐบาลควรจะจัดทำมาตรการระยะกลางและระยะยาว มาตรการที่ควรจัดทำ เช่น การบริหารจัดการน้ำภาคการเกษตรไม่ให้มีปัญหาน้ำท่วมและภัยแล้ง และการจัดทำโซนนิ่งภาคการเกษตร
ทั้งนี้ ประธาน ส.อ.ท.ได้ลงนามร่วมกับ 4 องค์กร ประกอบด้วย บริษัททเบเคอร์ แอนด์ แม็คเค็นซี่ จำกัด บริษัท เคพีเอ็มจี ภูมิไชย ที่ปรึกษาธุรกิจ จำกัด บริษัท Pwc ประเทศไทย จำกัด และบริษัท แฟลชแมนฮิลลาร์ด ประเทศไทย ตามโครงการพี่ช่วยน้อง เพื่อช่วยเหลือยกระดับผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมหรือเอสเอ็มอี ใน 12 อุตสาหกรรมเป้าหมาย เพื่อพัฒนายกระดับไปสู่อุตสาหกรรม 4.0 ตามนโยบายของประเทศไทย 4.0 และขยายตลาดไปต่างประเทศ พร้อมใช้ประโยชน์จากข้อตกลงการค้าต่าง ๆ ที่ประเทศไทยได้ทำข้อตกลงไว้ผ่านการให้ข้อมูลด้านต่าง ๆ โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย เช่น ข้อมูลเรื่องซับพลายเชนที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า เป็นต้น.-สำนักข่าวไทย