กทม.19 ส.ค.- สั่งพักงานคนขับและกระเป๋ารถเมล์สาย 8 ในตำนาน 3 วัน หลังเบรกรถกะทันหันทำผู้โดยสารสูงอายุ ล้มหงายหลังฟาดพื้น
จากกรณีเพจเฟซบุ๊ก“เฮียขับรถ”ได้โพสต์คลิปวีดีโอเหตุการณ์คุณป้าคนหนึ่งขณะลงรถเมล์ก่อนที่จะล้มลง พร้อมข้อความว่า”เหตุการณ์เกิดขึ้นวันเสาร์ที่ 17 สิงหาคมประมาณ 16.20 น. แถวๆถนนฝั่งตรงข้ามวัดภูเขาทอง รถที่นั่งคือรถเมล์สาย 8 ทะเบียน 12-4149 ขับรถน่ากลัวมาก ขับเร็วและปาดไปมา บีบแตรไล่รถที่ขวางหรือจอดติดไฟแดงข้างหน้า เร่งเครื่องสาดโค้งทุกโค้ง และจอดส่งผู้โดยสารนอกป้าย ทำให้คุณป้าที่กำลังลุกจากที่นั่งเพื่อจะลงป้ายขณะรถเมล์คนนี้ กำลังขับจี้ไล่แซงรถคันหน้าอย่างรวดเร็ว(ลองฟังจากเสียงเครื่อง และท่าทางคนขับ) แต่ไม่พ้นช่องทางรถคันหน้า คนขับจึงเบรกอย่างแรง ทำให้คุณป้าถูกเหวี่ยงจนมือหลุดจากเสาที่จับ และล้มหลังฟาดอย่างแรง ถึงขนาดนั่งนิ่งไปพักใหญ่ ทุกคนบนรถกำลังตกใจ
ส่วนคนขับรถเมล์ก็ขับกระชากรถเข้าป้ายตามคลิป พร้อมคำถามที่เจ้าของคลิปได้ยินคือ ทำไมไม่จับไว้ให้ดีๆ ยังไม่ถึงป้าย ป้ารีบลุกมาทำไม พร้อมขอให้ช่วยแชร์คลิปดังกล่าวเพราะไม่อยากปล่อยพฤติกรรมเหล่านี้ผ่านไป และสงสารคุณป้ามาก ถ้าคุณป้าหรือญาติคุณป้ามาเห็นคลิป ถ้ากลับไปมีการบาดเจ็บ เข้าโรงพยาบาลจากเหตุการณ์นี้ มาเอาคลิปที่ผมไปเป็นหลักฐานแจ้งความได้เลยครับ”
เมื่อทีมข่าวเดินทางไปที่อู่รถเมล์สาย 8 บริเวณแฮปปี้แลนด์ พบว่าวันนี้ (19 ส.ค.) นายบัญชา คนขับรถเมล์สาย 8 ทะเบียน 39-134 และนางสมฤทัย กระเป๋ารถเมล์ ไม่ได้มาทำงาน
นางสาวสาวิตรี สีหราช นายท่าแฮปปี้แลนด์ กล่าวว่า ยังไม่ได้พูดคุยถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับพนักงานขับรถคนดังกล่าว แต่เบื้องต้นเมื่อเห็นคลิปได้มีคำสั่งพักงานทั้งคู่เป็นเวลา 3 วัน ตามกฎระเบียบ เนื่องจากที่ผ่านมาตลอดการทำงานมากว่า 1 ปี ไม่เคยได้รับการร้องเรียน หรือมีประวัติเสียในการขับรถ แต่หากมีการกระทำผิดซ้ำครั้งที่ 2 จะสั่งพักงาน 7 วัน และครั้งที่ 3 ไล่ออกทันที ส่วนตัวจากการดูคลิปเชื่อว่าเป็นอุบัติเหตุ น่าจะไม่มีการขับแซงหรือวิ่งทำเวลาเอารอบ เนื่องจากขณะนี้เส้นทางลาดพร้าวมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าทำให้รถติดเป็นระยะไม่สามารถทำความเร็วได้ ล่าสุดกรมการขนส่งทางบก นัดให้ไปรายงานตัว เพื่อสอบถามข้อเท็จจริงพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) เวลา 10.00 น.
นางสาวสาวิตรี ย้ำว่าจากนี้จะกำชับพนักงานขับรถและกระเป๋ารถเมล์ ในเรื่องการขับรถและมารยาทในการดูแลผู้โดยสารไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะนี้ขึ้นอีก.-สำนักข่าวไทย