กรมราชทัณฑ์ 19 ส.ค.-อธิบดีกรมราชทัณฑ์ ยืนยันโครงการก่อสร้างเรือนจำถูกต้อง-โปร่งใส ไม่มีการล็อกสเปกอุุปกรณ์เสริมความมั่นคงในเรือนจำ 4 แห่ง หลังมีผู้ยื่น ‘บัตรสนเท่ห์’ ถึง รมว.ยุติธรรม
พ.ต.อ.ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่า ตามที่มีข่าวเกี่ยวกับความไม่โปร่งใสและการล็อกสเปกอุปกรณ์เสริมความมั่นคงในเรือนจำ 4 แห่งของกรมราชทัณฑ์ โดยมีผู้ไม่ประสงค์จะออกนามยื่นเรื่องเป็นบัตรสนเท่ห์ ไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และต่อมาในวันที่ 17 ส.ค.2562 ได้มีทีมงานของรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจสอบที่ทัณฑสถานเปิดห้วยโป่ง จ.ระยองนั้น กรมราชทัณฑ์ขอเรียนว่าโครงการก่อสร้างเรือนจำมีองค์ประกอบอยู่ 2 อย่าง คือ 1.ตัวอาคารหรือโครงสร้าง และ 2. ระบบเสริมความมั่นคง เช่น ระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV) ระบบควบคุมการเข้าออก (Access Control system) , รั้วไฟฟ้าแรงสูง , และระบบตัดสัญญาณโทรศัพท์เคลื่อนที่ เพื่อป้องกันผู้ต้องขังหลบหนี และป้องกันการลักลอบใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ที่เคยมี ดังนั้น ระบบเสริมความมั่นคง จึงเป็นระบบที่สำคัญและเป็นหัวใจในการควบคุมผู้ต้องขัง อุปกรณ์เหล่านี้มีหลายยี่ห้อที่ผู้ประมูลจะสามารถนำมาเสนอได้
ผู้ร้องเรียนอาจมีความเข้าใจคลาดเคลื่อนว่าราคาต่ำที่สุด คือผู้ชนะ โดยมิได้สนใจในความต้องการของกรมราชทัณฑ์ ที่ต้องการระบบเสริมความมั่นคง นำมาควบคุมผู้ต้องขังให้ได้ประสิทธิภาพไม่เป็นภัยต่อสังคม การประกวดราคาด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์(e – bidding) ได้ดำเนินการอย่างถูกต้อง ตามพ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 และระเบียบกระทรวงการคลังว่าด้วยการจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ.2560 ทุกประการ ทุกขั้นตอน มีความโปร่งใสและยึดถือประโยชน์ ของทางราชการเป็นสำคัญ
ทั้งนี้ กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่ายังไม่ได้รับคำสั่งหรือข้อสั่งการจากกระทรวงยุติธรรมให้ชี้แจงเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด การออกข่าวในเชิงลบและตั้งธงว่าอาจจะมีการทุจริต อาจเป็นการชี้นำให้สังคมเข้าใจผิด ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ขององค์กร ตลอดจนขวัญและกำลังใจของผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ทุกคน
นอกจากนี้เบื้องหลังการร้องเรียนดังกล่าว อาจเป็นความพยายามของผู้ไม่ชนะการประมูลบางรายยื่นเรื่องร้องเรียนขึ้นมา โดยใช้ฝ่ายการเมืองเป็นเครื่องมือเพื่อหาหนทางล้มเลิกโครงการที่ดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบของทางราชการทุกประการ ตนจึงไม่อยากให้ใครต้องตกเป็นเครื่องมือของขบวนการดังกล่าว
‘กรมราชทัณฑ์ ขอยืนยันว่าได้ปฎิบัติตามนโยบายรัฐบาลอย่างเคร่งครัดตลอดมา จนได้รับรางวัลต่างๆมากมาย อาทิ รางวัลการประเมินผลระดับคุณธรรมและความโปร่งใส จากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ รางวัลองค์กรที่ความเป็นเลิศในการบริหารจัดการด้านการเงินการคลังของกรมบัญชีกลาง กระทรวงการคลัง และรางวัลหน่วยงานบริหารทรัพยากรบุคคลดีเด่น (ด้านความโปร่งใสด้านการบริหารทรัพยากรบุคคล) จากสำนักงาน ก.พ. เป็นต้น’ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าว
พ.ต.อ.ณรัชต์ กล่าวด้วยว่า ได้ยึดถือนโยบาย 3 ส. คือ สะอาด สุจริต และเสมอภาค เป็นหลักในการบริหารงาน ได้ตั้งปณิธานไว้ว่าจะไม่ซื้อขายตำแหน่ง ไม่ค้าขายหรือมีประโยชน์ทับซ้อน กับทางราชการ และไม่เบียดเบียนผู้ใต้บังคับบัญชา โดยส่วนตัวมีความเคารพและนับถือท่านรัฐมนตรีเป็นอย่างสูง แต่อยากเรียนเสนอให้มีการทบทวนและปรับปรุงแนวทางการทำงานร่วมกันระหว่างทีมงานฝ่ายการเมืองกับข้าราชการประจำให้เป็นไปอย่างให้เกียรติซึ่งกันและกัน โดยยึดผลประโยชน์ของ
ทางราชการเป็นหลัก ไม่เปิดประเด็นออกสื่อรายวัน โดยไม่สอบถามข้อเท็จจริงหรือเปิดโอกาสให้ทางส่วนราชการได้ชี้แจงอย่างเป็นกิจจะลักษณะเสียก่อน.-สำนักข่าวไทย