โรงแรมเซนทาราแกรนด์ เซ็นทรัลเวิลด์ 2 ส.ค.- ที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก เตรียมลงนามร่วมแก้ปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ การต่อต้านการค้ายาเสพติด และถ้อยแถลงของผู้นำปลายปีนี้ ขณะเดียวกันชื่นชมอาเซียนแก้ปัญหาผู้ลี้ภัยรัฐยะไข่ได้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เป็นประธานการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศของที่ประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก (East Asia Summit: EAS) ระหว่างการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียน ครั้งที่ 52 และการประชุมระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง วันนี้ (2 ส.ค.) โดยที่ประชุมย้ำความสำคัญของ EAS ในการเป็นกลไกหารือประเด็นเชิงยุทธศาสตร์และความร่วมมือ เช่น การบรรเทาภัยพิบัติ ความเชื่อมโยง และภัยคุกคามความมั่นคง โดยเฉพาะปัญหายาเสพติดและอาชญากรรมข้ามชาติ รวมทั้งได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลี รัฐยะไข่ ทะเลจีนใต้ และมุมมองของอาเซียนต่อแนวคิดอินโด-แปซิฟิก นอกจากนี้ที่ประชุมได้รับรองรายงานความคืบหน้าของการดำเนินการตามแผนปฏิบัติการกรุงมะนิลาเพื่อผลักดันปฏิญญากรุงพนมเปญว่าด้วยข้อริเริ่มการพัฒนาของการประชุมสุดยอดเอเชียตะวันออก ค.ศ.2018-2022
ทั้งนี้ ร.ท.อรรถยุทธ์ ศรีสมุทร รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ เปิดเผยว่า ที่ประชุม EAS ได้หารือถึงการแก้ไขปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ ทั้งเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ ยาเสพติด โรคติดต่อ โรคระบาด ภัยพิบัติ ขยะทางทะเล ซึ่งเป็นข้อห่วงใยของที่ประชุม ที่จะต้องให้ความร่วมมือกันมากกว่านี้ และจะมีการลงนามความร่วมมือร่วมกันจำนวน 3 ฉบับในช่วงปลายปีนี้ ประกอบด้วย การแก้ปัญหาภัยคุกคามข้ามชาติ การต่อต้านการค้ายาเสพติด และถ้อยแถลงของผู้นำ EAS ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการพัฒนาในหลายมิติอย่างยั่งยืน
รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ส่วนการการหารือในประเด็นทะเลจีนใต้นั้น ที่ประชุมได้เน้นย้ำท่าทีในการดำเนินการตามกรอบแนวปฏิบัติในทะเลจีนใต้ (COC) ให้บรรลุผลภายใน 3 ปี โดยจะเจรจากันในรอบ 2 เกี่ยวกับหลักการและเป้าหมาย ซึ่งจะส่งเสริมให้เกิดการเดินเรืออย่างเสรี สร้างภูมิภาคที่อยู่ในพื้นที่ทะเลจีนใต้เกิดความสงบและเกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ขณะที่ปัญหาคาบสมุทรเกาหลีนั้น ที่ประชุมอยากให้เกิดความร่วมมือที่จะนำไปสู่การสร้างบรรยากาศลดความความขัดแย้ง นอกจากนี้ยังได้ชื่นชมอาเซียนเกี่ยวกับการแก้ไขปัญหารัฐยะไข่ โดยสร้างสภาวะความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น รวมถึงการนำพาผู้ลี้ภัยกลับสู่ถิ่น และช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม โดยทุกประเทศพร้อมให้ความร่วมมือ
รองปลัดกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวด้วยว่า ที่ประชุมอยากให้การเจรจา RCEP บรรลุผลภายในปีนี้ เพื่อช่วยให้แต่ละประเทศได้รับการค้าที่เสรี ซึ่งจะช่วยกระตุ้นให้การค้ากลับมาในภูมิภาคมากขึ้น เพื่อสร้างความมั่นคงในภูมิภาค.-สำนักข่าวไทย