เทวัญพร้อมแจงถือหุ้นสื่อ

นครราชสีมา 22 ก.ค.- “เทวัญ” พร้อมชี้แจงกรณีการถือครองหุ้นสื่อ หากถูกอภิปรายในระหว่างการแถลงนโยบายรัฐบาล  ย้ำไม่เคยประกอบธุรกิจสื่อ เป็นมรดกที่แม่ให้มา แต่โอนคืนกลับไปหมดแล้ว 


นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการแถลงนโยบายรัฐบาลที่จะมีขึ้นวันที่ 25 กรกฎาคมนี้ ว่า ตนได้รับเอกสารนโยบายรัฐบาลเมื่อวานนี้  ซึ่งจะเรียกประชุมพรรคชาติพัฒนา ในวันพรุ่งนี้  (23 ก.ค.) เพื่อหารือว่าสมาชิกคนใดจะขออภิปรายบ้าง แต่เบื้องต้นมี นาย วัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา อาจจะขออภิปราย จะขอเวลาจากทางรัฐสภา 

ส่วนกรณีที่จะถูกอภิปรายกรณีคุณสมบัติการดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีการถือหุ้นสื่อนั้น นายเทวัญ กล่าวว่า ได้เตรียมเอกสารไว้ชี้แจงแล้ว หากมีการอภิปราย ซึ่งการจดทะเบียนการทำธุรกิจ เมื่อมีการจดทะเบียนที่กระทรวงพาณิชย์แล้ว แบบฟอร์มที่ให้กรอกจะเป็นแบบกว้าง ๆ และเป็นหุ้นที่แม่ให้มาซึ่งบริษัทนี้ไม่ได้ทำอะไรที่เกี่ยวกับสื่อ เป็นการซื้อที่ดินมาประมาณ 30 ปีแล้วก็ไม่ได้ทำอะไร ไม่มีอะไรแล้วไปดูในงบดุลได้ ทั้งรายรับรายจ่าย ซึ่งไม่ได้มีรายรับอะไรที่เกี่ยวกับโฆษณา หรือสื่อ หรือสิ่งพิมพ์ รายจ่ายก็ไม่มีลักษณะแบบนั้นเช่นกัน คือเป็นการเก็บที่ดินไว้เฉย ๆ  และทุกวันนี้เมื่อคุณแม่เห็นข่าวดังกล่าวก็ร้องไห้ทุกครั้ง


รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ขอขยายระยะเวลาชี้แจงศาลรัฐธรรมนูญ ออกไปประมาณ 20 วัน เพื่อเตรียมหลักฐานการเงิน งบดุลต่าง ๆ ในการประกอบกิจการดังกล่าวมาตลอด 30 ปี ซึ่งไม่มีสิ่งใดเกี่ยวพันกับสื่อเลย ไม่ว่าจะเป็นรายรับหรือรายจ่าย

นายเทวัญ ยังกล่าวถึงการที่ต้องยื่นบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถยื่นในส่วนของการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร  ได้และหลังจากนั้นอีก 10กว่าวัน จะยื่นในตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สาเหตุที่มีการยื่นบัญชี 2 ครั้ง เนื่องจากว่าในระหว่างการ เป็นส.ส.มีเรื่องหุ้นที่ยังเป็นปัญหา จึงโอนคืนให้กับมารดา ก่อนที่จะมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกมนตรี เนื่องจากในช่วงเวลาดังกล่าวมีการนำเงินไปใช้บางส่วนจึงทำให้รายรับรายจ่ายมีการเปลี่ยนแปลง ซึ่งมีจำนวนเงินที่น้อยลง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้ปฎิบัติภารกิจงานแรก  เป็นประธานเปิดการรับแจ้งสถานะความเป็นองค์กรของผู้บริโภค ตามพ.ร.บ.การจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภค พ.ศ. 2562  โดยองค์กรผู้บริโภคที่ได้รับการประกาศสถานะแล้ว มีสิทธิ์เข้าชื่อไม่น้อยกว่า 150 องค์กรและจะมีการจัดตั้งสภาองค์กรของผู้บริโภคเพื่อคุ้มครองและพิทักษ์สิทธิของผู้บริโภคซึ่งจะเป็นการทำงานคู่ขนานไปกับสำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค( สคบ.) ซึ่งเป็นองค์กรเอกชนที่รัฐบาลจะให้งบประมาณ 300 ล้านบาท เพื่อให้ผู้บริโภคมีความเข้มแข็งสามารถร้องเรียนสิทธิต่าง ๆ ได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

สำนักสงฆ์หูตาทิพย์

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์”

ขุดพบ 12 ศพ ในสำนักสงฆ์ลัทธิประหลาด “สอนหู-ตาทิพย์” พระอ้างใช้สอนวิปัสสนากรรมฐาน เบื้องต้นอายัดไว้พิสูจน์ดีเอ็นเอ พร้อมเอาผิดหัวหน้าสำนักสงฆ์ ฐานนำศพเก็บไว้ในสถานที่ที่ไม่ใช่สุสานและฌาปนสถาน

“สนธิ” ยื่นถอด “ตั้ม-เดชา” ออกจากทนาย

“สนธิ ลิ้มทองกุล” หอบหลักฐานบุกสภาทนายความ ถอดทนายตั้ม-ทนายเดชา ออกจากทนาย ระบุ ได้รับมอบอำนาจจาก “มาดามอ้อย” แล้ว เดินหน้าเอาผิด ทนายตั้มแบบสุดซอย ไม่ให้มีคนตกเป็นเหยื่อผู้รู้กฎหมายอีก

รัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มยูเครน

ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ของรัสเซีย แถลงยืนยันว่ารัสเซียยิงขีปนาวุธข้ามทวีปรุ่นใหม่ถล่มภาคตะวันออกยูเครนเมื่อวานนี้ ตอบโต้ที่ยูเครนใช้ขีปนาวุธที่ได้รับมอบจากสหรัฐและอังกฤษ

ข่าวแนะนำ

โค้งสุดท้าย ศึกสองนารีชิงเก้าอี้ นายก อบจ.นครฯ

เหลือไม่ถึง 2 วันแล้ว ที่ชาวนครศรีธรรมราชจะได้ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.นครฯ ศึกนี้เป็นการสู้กันเองของพรรคร่วมรัฐบาล ฝ่ายหนึ่งต้องการรักษาฐานที่มั่นไว้ให้ได้ อีกฝ่ายต้องการเจาะฐานให้แตก เพื่อหวังครองที่นั่งการเมืองระดับชาติในสมัยหน้า

ร้อนระอุโค้งสุดท้าย ศึกชิงเก้าอี้ นายก อบจ.อุดรธานี

การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดอุดรธานี ครั้งนี้ดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครจาก 2 พรรคใหญ่ลงชิงชัย ต่างเร่งเครื่องเต็มที่ในโค้งสุดท้าย การเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 24 พ.ย.นี้ ใครจะเป็นผู้คว้าชัยชนะและสร้างการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญให้จังหวัดอุดรธานี ไปติดตามจากรายงาน

ความเห็นนักวิชาการ คดีทักษิณ

ศาลรัฐธรรมนูญมีมติไม่รับคำร้อง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและพรรคเพื่อไทย ร่วมกันกระทำการอันเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครอง ขณะที่นักวิชาการชี้ว่าไม่ได้พลิกไปจากความคาดหมาย และผลจากคดีนี้ ไม่ทำให้เกิดจุดเปลี่ยนทางการเมือง แต่ก็ยังมีจุดเสี่ยงที่ต้องระวัง