กรุงเทพฯ 19 ก.ค.- ศูนย์ ศปอส.ตร. แถลงระดมดวาดล้างจับผู้กระทำความผิดหลายคดี มูลค่าความเสียหายจำนวนมาก
พล.ต.อ.รุ่งโรจน์ แสงคร้าม รอง ผบ.ตร. ผอ.ผอ.ศปอส.ตร. และ พล.ต.ท. ปิยะ อุทาโย ผู้ช่วย ผบ.ตร. ในฐานะรอง ผอ.ศปอส.ตร. แถลงข่าวผลการปฏิบัติงานของศูนย์ปราบรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
โดยคดีแรกสามารถทลายร้านค้าออนไลน์จำหน่ายเสื้อผ้าแบรนด์ดัง ที่มีนายพรต คนขยัน อายุ24 ปี เป็นเจ้าของและสามารถอายัดตรวจยึดสินค้า รวม 43 รายการ จำนวน 12,086 ชิ้น มูลค่า 10 ล้านบาท จับกุมได้ที่หมู่บ้านคาซาซิตี้ ย่านดอนเมือง โดยพฤติกรรมมีลักษณ์เปิดเฟซบุ๊กใช้ชื่อบัญชีบ้านเสื้อผ้า ไลฟ์สดหน่ายขายให้กับลูกค้าจำนวนมาก
คดีที่ 2 ระดมตรวจค้นกวาดล้างเครือข่ายเงินกู้ดอกเบี้ยโหด ตั้งแต่ 19 พ.ย.61 ถึง 30 มิ.ย. 62 สามารถจับกุมผู้ต้องหา 56 ราย อยู่ระหว่างสืบสวนติดตามตัว 22ราย ตรวจยึดทรัพย์สิน ทั้งรถยนต์15 คัน บ้าน 5 หลัง เครื่องเพชรและทองรูปพรรณ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาท โดยพฤติกรรมผู้ต้องหาเป็นกลุ่มนายทุนเงินกู้ อาศัยความไม่รู้กฎหมายของชาวบ้าน จึงเอาเปรียบด้วยการปล่อยเงินกู้ เรียกเก็บดอกเบี้ยเกินอัตราที่กฎหมายกำหนดสูงถึงร้อยละ 20 ต่อเดือน หรือต่อ 24 เดือน คิดเป็นร้อยละ240 ต่อปี อีกทั้งมีพฤติกรรมทวงหนี้ใช้ความรุนแรงทำร้ายร่างกายหรือยึดเอาทรัพย์สินลูกหนี้ไป
คดีที่3.จับกุมมิจฉาชีพหลอกลงทุนซื้อขายหุ้น สามารถจับกุมนายขวัญชัย ปิยะทัศน์ และนางสาวทิพวรรณ วงษ์วัน ได้ที่รีสอร์ทแห่งหนึ่งใน จ.ชัยนาท ฐานความผิดฉ้อโกงประชาชน มีพฤติกรรมเป็นผู้เปิดสำนักงาน แอบอ้างว่ามีความรู้ในการซื้อขายหุ้น และทำให้เกิดความเชื่อถือว่าการซื้อขายจะมีกำไรและผลตอบแทนที่ดีอย่างแน่นอน โดยแนะนำให้ซื้อหุ้นหากขาดทุนเกิน 3 ครั้ง ผู้ต้องหาจะรับผิดชอบเพียงผู้เดียว แต่ผู้เสียหายต้องลงทุนจ่ายเงินประกันค่าเปิดพอต20เปอร์เซ็นของการลงทุน แต่ปรากฏว่าเมื่อทำการซื้อขายหุ้นขาดทุน ผู้เสียหายติดตามทวงถามแต่ไม่ได้รับคำตอบและหลบหนีไปติดต่อไม่ได้
คดีที่ 4 จับผู้ต้องหาฉ้อโกงชักชวนร่วมลงทุนใช้วงเงินในบัตรเครดิต โดยจับกุมนางพิมพลอย และนายสมศักดิ์ วรพฤษ์พิสุทธิ์ สองสามีภรรยาที่เปิดร้านขายส่งเสื้อผ้า พฤติการณ์จะชักชวนญาติ และคนสนิทร่วมลงทุนในการใช้บัตรเครดิตเพื่อรูดชำระค่าสินค้าที่ไม่มีอยู่จริง โดยจะได้ผลตอบแทนร้อยละ 0.7เปอร์เซ็นต่อเดือนและจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และภายใน 2-3 วันจะมีการโอนเงินคืนให้ มีประชาชนหลงเชื่อจำนวน 12 ราย ตกเป็นเหยื่อ มูลค่าเสียหายกว่า 10ล้านบาท โดยตำรวจจับตัวได้ที่เอเชียทีค เมื่อวันที่ 27 มิ.ย.ที่ผ่านมา
คดีที่ 5 ทลายเครือข่ายต่างชาติที่อยู่ในราชอาณาจักรเกินกว่ากฎหมายกำหนด ครั้งที่ 35 จับกุมผู้ต้องหา 401ราย สัญชาติลาว 132 ราย เมียนมา 73 ราย กัมพูชา 52 ราย เวียดนาม 15 ราย และอื่นๆ
คดีที่ 6 จับแก๊งชาวจีนลักลอบเปิดพนันออนไลน์ โดยจับกุมนายคุยเชียน อายุ 33 ปี สัญชาติจีนและพวกรวม 4 คน ได้ที่บ้านเช่าแห่งหนึ่งย่านห้วยขวาง พร้อมของกลางเป็นคอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊ค โทรศัพท์มือ เครื่องสัญญาอินเตอร์เน็ต และเครื่องรับรหัส otp จำนวนมาก ทั้งหมดรับสารภาพว่าได้ทำระบบการโอนเงินเพื่อซื้อชี๊พใช้ในการเล่นพนันและเกมออนไลน์ในประเทศจีน โดยใช้ฐานก่อเหตุในประเทศไทย
คดีที่ 7 มาตรการช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนคดีโรแมนซ์สแกมครั้งที่15 คืนเงินให้กับผู้เสียหาย 2 ราย รวม 339,190 บาท โดยสถิติการรับแจ้งตั้งแต่ 22 มิย.61 ถึง 18 ก.ค. 62 จำนวน 307คดี มูลค่าความเสียหาย 162ล้านบาท สามารถอัดยัดเงินคืนให้ผู้เสียหายได้ 27ราย
คดีสุดท้ายที่ 8. จับกุมผู้ต้องหาหลอกรับจำนำรถ จับกุมตัวนายธวัธชัย ฉิมประสูติ ได้ที่บ้านพักย่านจังหวัดนนทบุรี โดยผู้ต้องหามีพฤติการณ์เปิดเว็บไซต์อ้างจำนำรถให้ราคาสูง มีผู้หลงเชื่อกว่า 10 ราย ความเสียหาย 10 ล้านบาท จากการตรวจสอบผู้ต้องหามีหมายจับอีก 4 หมาย ใน จ.เชียงใหม่ 2 หมาย ใน จ.พะเยา และอีก 2หมาย ในคดีฉ้อโกง นอกจากนี้ตำรวจพบว่าผู้ต้องหามีอาชีพทำขวัญนาคบังหน้า.-สำนักข่าวไทย