ตลท. 18 ก.ค. – ตลท.ร่วมกับพันธมิตร จัด SET Social Impact Day 2019 หวังใช้ตลาดทุนแก้ปัญหาสังคม-สิ่งแวดล้อม
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เป็นประธานเปิดงาน SET Social Impact Day 2019 ซึ่งจัดขึ้นต่อเนื่องเป็น ปีที่ 4 ภายใต้แนวคิด “Partnership for Impact Co-creation ออกแบบ ทางออก มหาชน” ณ ตลาดหลักทรัพย์ฯ โดยร่วมกับสภาธุรกิจตลาดทุนไทย สมาคมบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ บริษัท ไลฟ์อีส กรุ๊ป จำกัด โครงการพอแล้วดี รวมทั้งองค์กรภาคธุรกิจและภาคสังคม เพื่อเป็นเวทีสร้างจุดเชื่อมต่อการทำงานระหว่างภาคธุรกิจและภาคสังคมให้เกิดพลังและเป็นรูปธรรมอย่างยั่งยืน พร้อมออกแบบการทำงานร่วมกันและเดินหน้าแก้ไขปัญหาสังคม สร้างความสมดุลให้เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
นายภากร กล่าวว่า การเติบโตทางเศรษฐกิจจะไม่สามารถดำเนินต่อไปได้อย่างยั่งยืน หากการเติบโตดังกล่าวอยู่ท่ามกลางปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม ดังนั้น กระบวนการผนวกแนวคิดด้านความยั่งยืนในมิติที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) เข้าเป็นองค์ประกอบหลักในการดำเนินธุรกิจจึงเป็นสิ่งสำคัญ ทั้งนี้ นอกเหนือจากการประกอบธุรกิจอย่างรับผิดชอบต่อสังคมแล้ว ทุกภาคส่วนสามารถร่วมสร้างโมเดลที่เป็นนวัตกรรม โดยออกแบบความร่วมมือ ขยายมิติของพันธมิตร เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรมและเติบโตไปพร้อมกัน
สำหรับปีนี้มุ่งขยายผลจากทุกปีที่ผ่านมาที่เดิมเน้นสร้าง SET Social Impact Platform ให้ทำหน้าที่เป็น Impact Multiplier เชื่อมตลาดทุนและภาคธุรกิจให้ทำงานร่วมกับภาคสังคมเพื่อเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน สู่การเป็นแพลตฟอร์มให้มีกลไกเพิ่มพลังตัวคูณการเติบโตอย่างเป็นรูปธรรมใน 2 มิติ คือ ขยายพันธมิตรและขยายพื้นที่ โดยมิติด้านการขยายพันธมิตร ใช้กลยุทธ์ 4E ได้แก่ 1. Entertainment การขยายพันธมิตรสู่ภาคศิลปินในฐานะผู้มีอิทธิพลและมีบทบาทต่อผู้บริโภค เพื่อผลักดันการบริโภคอย่างยั่งยืน 2. Expert การขยายจำนวนพันธมิตรตลาดทุนและผู้ทรงคุณวุฒิจิตอาสาที่ร่วมอุทิศความรู้ความสามารถ เพื่อสร้างนักธุรกิจเพื่อสังคมรุ่นใหม่ให้เข้มแข็งและขับเคลื่อนธุรกิจยุคหน้าได้ 3. Education ร่วมกับสถาบันอุดมศึกษาขยายความรู้และแรงบันดาลใจเกี่ยวกับธุรกิจเพื่อสังคม และ 4. Exchange Information การขยายความจริงเกี่ยวกับปัญหาสังคมร่วมกับ Media Platform สื่อมวลชนที่นำเสนอเรื่องความยั่งยืน และมิติด้านการขยายพื้นที่ ได้แก่ การสร้างตัวคูณการทำงานร่วมกันในท้องถิ่น ขับเคลื่อนความยั่งยืนโดยใช้พลังของภาคธุรกิจ ภาคการศึกษา และภาคสังคมในจังหวัดต่าง ๆ ซึ่งสอดคล้องกับวิสัยทัศน์ของ ตลท.“ To Make the Capital Market “Work” for Everyone” ที่มุ่งพัฒนาตลาดทุนให้เป็นประโยชน์แก่ผู้เกี่ยวข้อง
นายเจษฎาภรณ์ ผลดี ศิลปินและพิธีกร กล่าวบนเวทีภายใต้หัวข้อ “เสียงเรียกร้องจากป่าสู่เมือง” ว่า ป่าและธรรมชาติกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่น่าเป็นห่วงขณะที่ชุมชนเมืองเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีการรุกทำลายป่า เผาป่า ตัดถนนหนทางและสร้างที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่อง ส่งผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศน์ โดยอยากให้ทุกคนและองค์กรเรียนรู้รักษ์ป่าและธรรมชาติ ปลูกฝังให้การคำนึงถึงสิ่งแวดล้อมเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน พร้อมสร้างความเท่าเทียม โดยเปิดโอกาสให้กลุ่มผู้ด้อยโอกาส เช่น ผู้พิการ เข้าถึงธรรมชาติอย่างเท่าเทียมกับคนปกติ . – สำนักข่าวไทย