รองผู้ว่าฯกทม.ยืนยันจ่ายค่าส่วนแบ่ง ขี่บนทางเท้าจริง ไม่ถือเป็นช่องทางหาเงิน

สำนักข่าวไทย 10 ก.ค. -รองผู้ว่าฯกทม.ยืนยันจ่ายค่าส่วนแบ่ง ขี่บนทางเท้าจริง  ไม่ถือเป็นช่องทางหาเงิน แต่เป็นการให้สังคมช่วยกดดัน คนทำผิด


จากกรณีที่วันที่ 8 ก.ค.ที่ผ่านมา มีผู้ใช้ทวิตเตอร์ชื่อ ‘ชื่อนี้ไม่สามารถเว้นว่างได้’  ได้โพสต์รูปภาพพร้อมข้อมูลเกี่ยวกับการแจ้งจับผู้กระทำความผิด ขับขี่รถมอเตอร์ไซค์บนทางเท้า โดยได้ระบุข้อความทั้งหมดเอาไว้ว่า “วันนี้มารับเงินค่าส่วนแบ่งในการแจ้งผู้กระทำผิด ขับขี่จักรยานบนทางเท้า” 


นอกจากนี้ผู้ใช้ทวิตเตอร์รายนี้ ยังระบุเพิ่มเติมว่า “ได้คุยกับเจ้าหน้าที่ที่เขต เค้าบอกว่าถ้าเค้าได้รับรูปมา เค้าจะส่งจดหมายเปรียบเทียบปรับให้กับเจ้าของรถ ถ้าเค้ามาจ่ายเราจะได้ส่วนแบ่ง แต่ถ้าหมดอายุความ ตำรวจจะเป็นคนดำเนินคดีต่อ และเราจะไม่ได้ส่วนแบ่งนะครับ” 

ชาวเน็ตหลายคนก็ได้เข้ามาแสดงความเห็นหลากหลายทั้งชื่นชม กทม. ,สอบถามวิธีการ แต่ที่หลายคนพูดถึงคือ เป็นช่องทางใหม่ในการเงินในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง นั้น 


นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่า โครงการนี้เป็นนโยบายที่ กทม. เปิดให้ประชาชนแจ้งเบาะแสพบเห็นผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ขับขี่บนทางเท้ามายังช่องทางต่างๆของสำนักเทศกิจ โดยเจ้าหน้าที่จะติดตามดำเนินคดีและเปรียบเทียบปรับเป็นจำนวนเงิน 1,000 บาททุกรณี ตาม พ.ร.บ.รักษาความสะอาดและความเป็นระเบียบเรียบร้อยของบ้านเมือง ที่มีโทษปรับสูงสุดไม่เกิน 5,000 บาท โดยจะมีการแบ่งค่าปรับให้กับผู้แจ้งเบาะแสครึ่งหนึ่ง สำหรับกรณีที่ดำเนินการถึงที่สุดแล้ว คือเมื่อเจ้าหน้าที่ได้รับรูปหลักฐานมาจะประสานกับกรมการขนส่ง เพื่อตรวจสอบว่าเจ้าของคือใคร ก่อนส่งจดหมายเปรียบเทียบปรับให้กับเจ้าของรถ ถ้ามาจ่ายจะแบ่งเข้ารัฐครึ่งหนึ่ง คือ 500 บาท และประชาชน 500 บาท แต่ถ้าหมดอายุความ ตำรวจจะรับช่วงไปดำเนินคดีต่อ โดยที่ประชาชนจะไม่ได้ส่วนแบ่ง

ส่วนกรณีที่หลายคนมองว่าจะใช้เป็นโอกาสหรือช่องทางทำมาหากินนั้น รองผู้ว่าฯกทม. กล่าวว่า เรื่องนี้ส่วนตัวมองว่าไม่น่าใช่ช่องทางทำมาหากิน แต่จะเป็นการที่ให้สังคมช่วยกันเป็นหูเป็นตากดดันผู้กระทำผิดถ้าไม่ทำผิดก็ไม่จำเป็นต้องระแวง เพราะจะให้เจ้าหน้าที่เทศกิจไปตรวจจับทุกพื้นที่ถนนคงเป็นไปไม่ได้ เนื่องจากกำลังไม่เพียงพอ จึงต้องให้สังคมช่วยกัน 

อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าหลังจากที่ดำเนินการโครงการนี้มาตั้งแต่เดือนก.ค.ปีที่แล้วจำนวนผู้กระทำผิดไม่ลดลงเลย ยังคงมีผู้แจ้งมาในทุกช่องทางจนถึงตอนนี้นับหมื่นราย ค่าปรับที่ปรับได้อยู่ที่ประมาณ11 ล้านบาท ซึ่งถือว่าเยอะมาก โดยสำนักเทศกิจสามารถจับปรับได้จริงและแบ่งเงินให้ผู้แจ้งเบาะแสแล้วเพียงร้อยละ 20 ของจำนวนเบาะแสที่แจ้งมาเป็น 10,000 คดี เท่านั้น

ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งที่ยังมีผู้กระทำผิดเยอะอยู่ต้องยอมรับว่าเป็นความเคยชินที่ทำเป็นประจำแม้จะรู้ว่าผิดก็ตาม ส่วนตัวอยากจะขึ้นค่าปรับให้มากกว่าที่เป็นอยู่ 1,000 บาท แต่ต้องขอรอดูความเป็นไปได้อีกครั้ง  ยืนยันว่าไม่ได้เป็นการส่งเสริมให้คนในกรุงเทพฯใช้เป็นช่องทางหาเงินแต่เป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยทำให้สังคมเป็นระเบียบ

สำหรับขั้นตอนการจ่ายเงินส่วนแบ่งค่าปรับ สำหรับประชาชนที่ต้องการจะแจ้งเบาะแสมีขั้นตอนดังต่อไปนี้ 

1.เบาะแสที่แจ้งต้องครบถ้วน เช่น ภาพหรือคลิปวิดีโอ ต้องบันทึกการกระทำความผิดที่ชัดเจน วันเวลา สถานที่เกิดเหตุ รายละเอียดรถ ทะเบียนรถ และอื่นๆให้มากที่สุด เพราะการส่งภาพมาเฉยๆบอกเพียงกว้างๆ ไม่ถือเป็นเบาะแสที่เพียงพอ เจ้าหน้าที่ไม่สามารถติดตามได้ทันที หรืออาจต้องใช้เวลามากจนเกินไป นอกจากนี้ยังต้องระบุชื่อและนามสกุลของผู้แจ้ง เลขประจำตัวประชาชน ที่อยู่ และหมายเลขโทรศัพท์ ซึ่งข้อมูลของผู้แจ้งจะปกปิดเป็นความลับ  

2.ช่องทางในการติดต่อ เมื่อเบาะแสครบถ้วนแล้ว สามารถแจ้งมาได้ที่ไลน์แอด ebn6703w ,Facebook : สำนักเทศกิจ กรุงเทพมหานคร,สายด่วนสำนักเทศกิจ 02-465-6644 ,Email : citylaw_bma@hotmail.com เว็บไซต์  http://203.155.220.179/reward/default.php  หรือ http://www.bangkok.go.th/reward 

3.การดำเนินการเมื่อส่งเบาะแสเข้ามาแล้ว เจ้าหน้าที่เทศกิจจะต้องส่งข้อมูลไปยังกรมการขนส่วงทางบก เพื่อขอที่อยู่การจดทะเบียนของรถจักรยานยนต์คันดังกล่าว เมื่อได้มาแล้วจึงจะจัดส่งจดหมายไปยังเจ้าของรถให้มาชำระค่าปรับ ซึ่งถ้าเจ้าของรถเข้ามาชำระค่าปรับทันที ก็ถือว่าสิ้นสุดคดี

4.หากเพิกเฉยหากเจ้าของรถเพิกเฉยไม่มาชำระค่าปรับ ทางสำนักเทศกิจจะส่งเรื่องไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อติดตามดำเนินคดีต่อไป 

5.การติดตามเรื่องสำหรับกรณีที่แจ้งเบาะแสมาสมบูรณ์ จะต้องมีเลขที่รับเรื่องสำหรับติดตามความคืบหน้า แนะนำให้ถามผู้รับเรื่องให้เรียบร้อยตั้งแต่แรก ส่วนการติดตามให้ใช้ช่องทางเดียวกันกับที่แจ้งหรือต้องติดต่อโดยตรงที่ฝ่ายเทศกิจของแต่ละสำนักงานเขต 

6.การรับเงินส่วนแบ่งหากเป็นความผิดเล็กน้อย เจ้าหน้าที่อาจเรียกผู้กระทำความผิดเข้ามาเพื่อตักเตือนเท่านั้น แต่ถ้าเป็นความผิดที่มีการเปรียบเทียบปรับและมีการจ่ายค่าปรับเสร็จสิ้น ผู้แจ้งถึงจะได้เงินส่วนแบ่ง ซึ่งจะมีจดหมายส่งมาตามที่อยู่ที่กรอกไว้แต่ต้นให้มารับเงินภายใน 60 วัน ที่สำนักงานเขตพื้นที่รับผิดชอบ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Joe Biden and Kamala Harris on stage

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่ “แฮร์ริส” พ่ายแพ้

ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นางคอมมาลา แฮร์ริส ตัวแทนพรรคเดโมแครต พ่ายแพ้การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ ให้แก่นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน

“ทรัมป์” คว้าชัยเด็ดขาด ครองตำแหน่งประธานาธิบดีอีกสมัย

โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครจากพรรครีพับลิกัน คว้าชัยชนะเด็ดขาดในการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐ เหนือคู่แข่งอย่าง คอมมาลา แฮร์ริส จากพรรคเดโมแครต นับเป็นการกลับมาครองตำแหน่งผู้นำสหรัฐอีกครั้ง หลังต้องออกจากทำเนียบขาวไปเมื่อ 4 ปีก่อน

พบศพไวยาวัจกรวัดดังระยองถูกยิงดับพร้อมหญิงสาวในบ้านพัก

พบศพไวยาวัจกรวัดดัง จ.ระยอง ถูกยิงเสียชีวิตในบ้านพัก พร้อมหญิงสาวหน้าตาดี คาดเสียชีวิตมาแล้ว 3 วัน ตำรวจเร่งหาสาเหตุ

พบเด็กหญิงฝาแฝดวัย 9 ขวบ ดวงตาสีฟ้า

พบเด็กหญิงฝาแฝดชาวนครพนม วัย 9 ขวบ มีดวงตาสีฟ้าสดใส ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่พบได้ยาก อาศัยอยู่กับแม่เลี้ยงเดี่ยว แม่เผยลูกมีปัญหาทางการได้ยิน ใช้ชีวิตลำบาก ถูกบลูลี่ แต่ไม่ขอเปิดรับบริจาค เพราะเคยถูกมิจฉาชีพแอบอ้าง

ข่าวแนะนำ

นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขัง เจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

กองปราบฯ นำ “ทนายตั้ม-ภรรยา” ฝากขังศาลอาญารัชดา เบื้องต้นท้ายคำร้องพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว ด้านเจ้าตัวยกมือไหว้ ปัดตอบทุกประเด็น

ครูปรีชาทนายตั้ม

“ครูปรีชา” หิ้วกาแฟ-ข้าวผัด เยี่ยม “ทนายตั้ม”

เกือบ 24 ชั่วโมง ที่ตำรวจกองปราบฯ คุมตัว “ทนายตั้ม-ภรรยา” มาสอบปากคำ เบื้องต้นทั้งคู่ยังให้การปฏิเสธ เตรียมส่งตัวฝากขังบ่ายนี้ ส่วนคู่กรณีหวย 30 ล้าน “ครูปรีชา” นำข้าวผัดและกาแฟ เข้าเยี่ยม “ทนายตั้ม” พร้อมยืนยันคำเดิม “ความจริงก็คือความจริง”

นายกฯ เร่งตั้งทีม JTC เจรจา MOU44 คาดชัด 18 พ.ย.นี้

นายกฯ ยันรัฐบาลเร่งตั้งคณะกรรมการ JTC หารือเส้นเขตแดน MOU 44 และพลังงานใต้ทะเล คาด 18 พ.ย.นี้ ชัดเจน “ภูมิธรรม” มั่นใจกัมพูชายึดตามสนธิสัญญาเจนีวา แม้ไม่เข้าร่วม ย้ำมีผลผูกพันทุกประเทศทั่วโลก