พิจิตร 21 ส.ค.- ชลประทานพิจิตรยก 4 บานประตูระบายน้ำคลองสาขาผันแม่น้ำยมมีน้ำหลากมาจากตอนเหนือออกสู่แม่น้ำน่าน ย้ำแม้ระดับน้ำล่าสุดขึ้นสูง แต่ไม่น่าห่วง บริหารจัดการได้
นายสมยศ แสงมณี ชลประทานจังหวัดพิจิตร เปิดเผยถึงสถานการณ์ลุ่มแม่น้ำยมในพื้นที่ จ.พิจิตร ว่า จุดแรกที่รับน้ำต่อจาก อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก คือ พื้นที่หมู่ 8 ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม พบว่าปริมาณน้ำจาก จ.สุโขทัย และพิษณุโลก เริ่มหลากมาถึงพื้นที่แล้ว โดยเมื่อคืนที่ผ่านมา แม่น้ำยมสูงขึ้นอย่างรวดเร็วกว่า 1เมตร ทางกรมชลประทานและสำนักชลประทานที่ 3 จึงต้องเร่งผันน้ำจากแม่น้ำยมให้ไหลผ่านลำคลองชลประทาน DR 2.8 ซึ่งเป็นลำคลองเชื่อมต่อระหว่างแม่น้ำยมกับแม่น้ำน่าน และตั้งอยู่ในพื้นที่ ต.กำแพงดิน อ.สามง่าม เพื่อพร่องระบายน้ำจากแม่น้ำยมให้ไหลไปลงสู่แม่น้ำน่าน โดยยกบานประตูทั้ง 4 บาน เพื่อระบายน้ำ ในอัตรา 90 ลูกบาศก์เมตร/วินาที เพราะถ้าไม่ผันน้ำจากแม่น้ำยมให้ไหลไปลงแม่น้ำน่าน ปริมาณน้ำดังกล่าวอาจส่งผลให้ 3 หมู่บ้าน คือ หมู่ 3 หมู่ 4 และหมู่ 11 ต.รังนก ซึ่งเป็นท้องกระทะและอยู่ริมสองฝั่งแม่น้ำยม ได้รับผลกระทบจากน้ำเอ่อท่วม นอกจากนี้ การผันน้ำจากแม่น้ำยมไปลงแม่น้ำน่าน ยังเป็นผลดีต่อพื้นที่ตอนปลายของลุ่มแม่น้ำยมใน 3 อำเภอ คือ อ.โพธิ์ประทับช้าง อ.บึงนาราง และ อ.โพทะเล รวมทั้งพื้นที่ใน จ.นครสวรรค์ จะไม่ได้รับผลกระทบจากน้ำยมล้นตลิ่งจากฝนตกหนักในระยะนี้ด้วย
อย่างไรก็ตาม ชลประทานจังหวัดพิจิตร กล่าวว่า แม่น้ำยมในขณะนี้ยังไม่น่าเป็นห่วง แม้มีปริมาณน้ำจากภาคเหนือไหลเข้าสู่ จ.พิจิตร ปริมาณน้ำยังอยู่ในระดับที่สามารถควบคุมและบริหารจัดการด้วยการผันน้ำจากแม่น้ำยมลงสู่แม่น้ำน่านที่ยังรองรับน้ำได้อีกมาก แต่ทั้งหมดก็ต้องติดตามสถานการณ์ไว้ทุกระยะ หากมีฝนตกอีกก็จะมีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น และแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวในประเทศที่ไม่มีเขื่อนขนาดใหญ่กักเก็บน้ำได้เหมือนกับลุ่มน้ำอื่นๆ จึงไม่สามารถกักเก็บหรือบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบได้.-สำนักข่าวไทย