กรุงเทพฯ 9 พ.ค.-นักวิชาการชื่อดังด้านรัฐศาสตร์ประเมินตั้งรัฐบาลขั้วพลังประชารัฐ จัดสรรโควต้ากระทรวง “พลังประชารัฐ”คุมความมั่นคง กระทรวงเศรษฐกิจเกรดเอ “ประชาธิปัตย์”ดูการศึกษา “ภูมิใจไทย”รับสาธารณะสุขผลักดันนโยบายกัญชา ส่วนพรรคเล็กได้ประธานกรรมาธิการในสภาผู้แทนราษฎร
นายยุทธพร อิสรชัย รองศาสตราจารย์ประจำสาขาวิชาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช ให้สัมภาษณ์ถึงความเป็นไปได้ในการจัดตั้งรัฐบาลระหว่างขั้วพรรคพลังประชารัฐกับพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้ถือว่าพรรคพลังประชารัฐได้เปรียบกว่าพรรคเพื่อไทย จากสูตรการคำนวนส.ส.บัญชีรายชื่อที่จัดสรรให้ 26 พรรคการเมือง การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของ 250 สมาชิกวุฒิสภาและพรรคการเมืองขนาดเล็กมีแนวโน้มความสนใจอยากร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังมีปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดความไม่แน่นอนคือการที่ศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องของผู้ตรวจการแผ่นดินไว้วินิจฉัยเกี่ยวกับข้อกฎหมายที่ใช้ตั้งคณะกรรมการสรรหาส.ว ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ เนื่องจากหากวินิจฉัยการสรรหาส.ว.ขัดรัฐธรรมนูญจะทำให้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องเลื่อนออกไป และการสรรหาส.ว.ใหม่อาจทำให้คะแนนที่จะสนับสนุนพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกรัฐมนตรีลดลง
ส่วนพรรคภูมิใจไทยและประชาธิปัตย์ที่ยังไม่แสดงท่าทีที่ชัดเจนในการจับมือกับพรรคพลังประชารัฐนั้น เชื่อว่าทั้ง 2 พรรคถือเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งสุดท้ายแล้วทั้ง 2 พรรคจะจับมือกับพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีส.ส.บางส่วนฟรีโหวตบ้าง ก็ไม่ใช่ปัญหา
นายยุทธพร ยังประเมินการจัดสรรโควต้ารัฐมนตรีกระทรวงต่างๆในพรรคร่วมรัฐบาลที่มีพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำว่า กระทรวงต่างๆแบ่งได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ คือความมั่นคง เศรษฐกิจและสังคม โดยพรรคแกนนำหลักพลังประชารัฐจะรับผิดชอบกระทรวงที่สอดคล้องกับทิศทางการทำงานของพล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลคสช. คือด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ได้แก่กระทรวงกลาโหม มหาดไทยและต่างประเทศ รวมถึงใช้ทีมงานชุดเดิมเดินหน้าด้านเศรษฐกิจ มีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เป็นรองนายกรัฐมนตรี วางตัวคุมกระทรวงหลักเกรดเออย่างกระทรวงการคลัง พาณิชย์ อุตสาหกรรม คมนาคมและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์
-พรรคภูมิใจไทย จะรับผิดชอบงานด้านสังคม ดูแลกระทรวงสาธารณะสุข ขับเคลื่อนงานด้านกัญชาเสรี และได้ตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยในกระทรวงสำคัญที่เคยทำงานในสมัยรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ นายกรัฐมนตรี
-พรรคประชาธิปัตย์ จะได้รับการจัดสรรในตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากทำงานด้านการศึกษามาตลอด และรัฐมนตรีช่วยกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลราคาพืชผลทางการเกษตรอย่างยางพาราและปาล์มน้ำมันเป็นการเฉพาะ
-พรรคชาติไทยพัฒนา ยังคงได้กำกับดูแลกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ที่มีนายวีระศักดิ์ โควสุรัตน์ เป็นรัฐมนตรีอยู่
-พรรคการเมืองขนาดเล็ก อาจได้รับการจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีตามความถนัด เช่นนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าพรรคประชาชนปฏิรูป ที่ติดตามตรวจสอบเรื่องศาสนา น่าจะได้ตำแหน่งนี้ทำหน้าที่กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และจะให้โควต้าประธานกรรมาธิการคณะต่างๆในสภาผู้แทนราษฎร กับพรรคการเมืองอื่นที่ที่สนใจจะเข้าไปทำงานพรรคละ ตำแหน่ง
นายยุทธพร เชื่อว่าการจับขั้วการเมืองได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และโอกาสที่จะเกิดงูเห่ามีสูงจากปัจจัยทางวัฒนธรรมการเมืองไทยที่เอื้ออำนวย ดังนั้นจึงมีโอกาสเกิดงูเห่าได้ตลอดเวลาในรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำ ที่การบริหารจัดการค่อนข้างลำบาก .- สำนักข่าวไทย