กรุงเทพฯ 7 พ.ค. – ปตท.คาดสรุปแผนธุรกิจถ่านหินในอินโดฯ ปลายปีนี้ หลังขายกิจการปาล์มน้ำมันเสร็จสิ้นแล้ว
นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริษัท (บอร์ด) ปตท.มีมติอนุมัติให้บริษัท ปตท.กรีน เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (PTTGE SG) ซึ่งเป็นบริษัทย่อย ในประเทศสิงคโปร์ ดำเนินการจำหน่ายเงินลงทุนทั้งหมดในบริษัท Chancellor Oil Pte. Ltd. (CO) ที่ถืออยู่ 77.56% ซึ่งบริษัทดังกล่าวดำเนินธุรกิจปลูกปาล์มน้ำมันและผลิตน้ำมันปาล์ม โดยเป็นการกิจการในธุรกิจปาล์มทั้งหมดในอินโดนีเซีย
ทั้งนี้ เนื่องจากที่ผ่านมาการเข้าลงทุนในกิจการดังกล่าว เป็นการตัดสินใจลงทุนในช่วงที่ราคาน้ำมันดิบมากกว่า 100 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล แต่ปัจจุบันราคาน้ำมันลงอย่างมาก ทำให้บริษัทกลับมาวิเคราะห์แล้วว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มทุน ดังนั้น บอร์ด ปตท.จึงมีมติให้ถอนการลงทุนออก และคงไม่เข้าไปลงทุนในธุรกิจดังกล่าวอีก โดยกระบวนการขายกิจการเสร็จสิ้นแล้วเมื่อปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา รวมทั้งเห็นว่าควรส่งเสริมเกษตรกรผู้ปลูกปาล์มในประเทศมากกว่าตามนโยบายของภาครัฐที่ส่งเสริมน้ำมันไบโอดีเซลบี 10 และบี 20
“กระบวนการขายกิจการปาล์มน้ำมันในอินโดนีเซีย แบ่งเป็น 5 พื้นที่ บริษัททยอยขายมาตั้งแต่ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา โดยทุกอย่างเสร็จสิ้นแล้ว ส่วนบริษัทลูกดังกล่าว ปตท.มีการพิจารณาเพื่อปรับพอร์ตลงทุนต่อไป อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา ปตท.ประเมินทางบัญชีไปแล้ว ดังนั้น จะไม่มีการบันทึกขาดทุนเพิ่ม” นายชาญศิลป์ กล่าว
สำหรับธุรกิจถ่านหินในอินโดนีเซีย บริษัทยังอยู่ระหว่างการพิจารณาการลงทุน ซึ่งมีหลายแนวทาง อาทิ การปรับลดขนาดการลงทุน เปิดให้พันธมิตรเข้ามาร่วมถือหุ้น ปัจจุบันราคาถ่านหินไม่ได้สูงมากนัก แต่ธุรกิจยังมีกำไร ดังนั้น คาดว่าการตัดสินใจธุรกิจถ่านหินจะเสร็จสิ้นภายในปลายปีนี้ อย่างไรก็ตาม ปตท.จะเน้นลงทุนธุรกิจด้านไฟฟ้า ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) และการต่อยอดปิโตรเคมี
นายชาญศิลป์ กล่าวว่า สำหรับผลการคัดเลือกประมูลนำเข้าแอลเอ็นจี 1.5 ล้านตัน ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) ยังไม่มีการประกาศผลคัดเลือกออกมาแต่อย่างใด ซึ่งเป็นไปตามนโยบายเปิดเสรีของภาครัฐ แต่การใช้คลัง ท่อ ก็ยังใช้ของ ปตท. อย่างไรก็ตามมองว่าการตลาดย่อมมีคู่แข่งขัน ราคาสามารถเทียบกันได้ ดังนั้นผลแพ้ชนะไม่สำคัญเป็นเรื่องธรรมดา.-สำนักข่าวไทย