ภูเก็ต 13 เม.ย.- ศรชล.เขต 3 แถลงผลตรวจสอบสร้างที่พักกลางทะเลกลุ่ม Seasteading ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิอธิปไตยของไทยที่มีเหนือเขตต่อเนื่องของอนุสัญญากฎหมายทะเล คศ. 1982 เตรียมดำเนินคดีกับผู้ปลูกสร้าง และเร่งรื้อถอนให้พ้นทางสัญจรในทะเล
วันนี้ (13 เม.ย.) ที่ศูนย์ประสานการปฏิบัติในการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล เขต 3 (ศรชล.เขต 3) พลเรือตรีกฤษณะ กุณฑียะ เสนาธิการกองทัพเรือภาคที่ 3 ในฐานะตัวแทน ผอ.ศรชล.เขต 3 พร้อม พ.ต.อ. ขวัญชาติ วงค์ขจรไพรบูลย์ ผกก 8 บก.รน นาวาโทโกวิท ตาละโสภณ ฝ่ายกฏหมาย ศรชล. นายปิยะวัฒน์ ทองขาว เจ้าพนักงานตรวจท่า ปฏิบัติการ ผู้แทน สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต เรือเอกประสงค์ แสนประสิทธ์ ผบ.เรือ ต.991 และว่าที่ร้อยตรีวิกรม จากที่ นายอำเภอเมืองภูเก็ต ในฐานะตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต ร่วมแถลงกรณีมีเว็บไซต์หนึ่งของต่างประเทศรายงานความสำเร็จการสร้างที่พักตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading และชักชวนให้ผู้ที่ชื่นชอบในแนวคิดนี้มาอาศัยเพื่อจัดตั้งชุมชนในทะเลใกล้กับเกาะภูเก็ต เมื่อวันที่ 4 มี.ค.ที่ผ่านมาว่า ทาง ศรชล.เขต 3 ได้ตรวจสอบเรื่องดังกล่าวแล้ว โดยก่อนหน้านี้ได้ส่งอากาศยานขึ้นบินสำรวจในทะเลบริเวณตามที่มีการโฆษณาในเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งตรวจพบสิ่งปลูกสร้างในทะเลไม่ปรากฏสัญชาติ อยู่ห่างจากเกาะราชาใหญ่ 12 ไมล์ทะเล และวันนี้ (13 เม.ย.) ทัพเรือภาคที่ 3 ได้จัดเรือ ต.991 พร้อมชุดสหวิชาชีพ และฝ่ายกฎหมาย ศรชล. เข้าตรวจสอบพบสิ่งก่อสร้างในทะเลเป็นที่พักอาศัยลอยน้ำของกลุ่ม Seasteading จึงพยายามติดต่อทางวิทยุมารีนแบน ช่อง 16 กับสิ่งปลูกสร้างของกลุ่ม Seasteading ปรากฏว่าไม่มีการตอบรับ เรือ ต.991 จึงได้ตรวจสอบสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวพบว่าเป็นสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำไม่ปรากฏสัญชาติ ไม่มีผู้อยู่อาศัย และระหว่างตรวจสอบอยู่นั้น เรือ ต.991 ได้แจ้งเตือนเรือสินค้าจำนวน 3 ลำ ให้ระมัดระวังการเดินเรือในเส้นทางนี้ เพราะสิ่งก่อสร้างได้ปลูกในเส้นทางการเดินเรือปกติ
จากการตรวจด้วยสายตาพบว่าอาคารของกลุ่ม Seasteading มีลักษณะเอียงไปทางด้านข้าง เป็นสิ่งก่อสร้างขนาด 3 เมตร คูณ 3 เมตร ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันในการดำรงชีพ ระหว่างนั้นฝ่ายข่าว ทรภ.3 ได้ยืนยันแนวความคิดของกลุ่มดังกล่าวจะทำให้เอกราชของประเทศไทยเสื่อมเสีย เนื่องจากพื้นที่ทางอาณาเขตประเทศไทยบางส่วนจะถูกรบกวนสิทธิจากคนกลุ่มนี้อันเป็นความผิดตามกฏหมายประมวลอาญามาตรา 119 และการสร้างสิ่งปลูกสร้างของกลุ่ม Seasteading เป็นการละเมิดสิทธิอธิปไตยของประเทศไทยที่มีเหนือเขตต่อเนื่องตามข้อ 56B และข้อ 60 วรรค 7 และ วรรค 8 ของอนุสัญญากฎหมายทะเล คศ. 1982
ทั้งนี้ กองทัพเรือภาคที่ 3 จะแจ้งความกับ สภ.วิชิต จ.ภูเก็ต เพื่อดำเนินคดีกับผู้ก่อสร้าง และจะลากสิ่งปลูกสร้างออกจากทางเดินเรือ ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนให้เจ้าท่าภูมิภาค สาขาภูเก็ต ดำเนินการในรายละเอียดทางการปกครองการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างออกจากทะเล ซึ่งจะดำเนินการได้ในเร็ว ๆ นี้ เพราะหากปล่อยไว้จะส่งผลกระทบต่อการเดินเรือ และการดำเนินการดังกล่าวไม่ได้มีการขออนุญาตแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย