ภูเก็ต 22 เม.ย.- รื้อบ้านลอยน้ำ Seasteading กลางทะเลภูเก็ตได้แล้ว เรือหลวงมันในลากกลับเข้าฝั่ง คาดถึงค่ำนี้ เจ้าหน้าที่มั่นใจมีหลักฐานดำเนินคดีได้และเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว พร้อมเร่งตรวจสอบเส้นทางการเงินบริษัทที่เกี่ยวข้อง
ความคืบหน้าการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างลอยน้ำตามแนวทางของกลุ่ม Seasteading ซึ่งสร้างอยู่บริเวณนอกชายฝั่งจังหวัดภูเก็ต บริเวณละติจูด 7 องศา 29.37 ลิปดาเหนือ ลองจิจูด 98 องศา 34.81 ลิปดาตะวันออก หรือบริเวณทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะราชาใหญ่ ห่างจากเกาะภูเก็ตไปประมาณ 14 ไมล์ทะเล หรือประมาณ 22 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่จากทัพเรือภาคที่ 3 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เข้าดำเนินการรื้อถอนตั้งแต่ช่วงเช้าที่ผ่านมา (22 เม.ย.) เพื่อนำกลับมายังท่าเทียบเรือน้ำลึกจังหวัดภูเก็ตให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบและเก็บไว้เป็นหลักฐาน เนื่องจากบ้านลอยน้ำเป็นวัตถุพยานที่สำคัญในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด
จากนั้นเวลา 13.30 น. เจ้าหน้าที่ทหารเรือได้เข้าปฏิบัติการในการติดตั้งเครื่องมืออุปกรณ์ และเริ่มแยกส่วนของตัวสิ่งปลูกสร้างกับฐานออกจากกัน ก่อนเคลื่อนย้ายวัตถุพยานทั้ง 2 ส่วนเข้าฝั่ง ปรากฏว่าเมื่อรื้อตัวสิ่งก่อสร้างแปดเหลี่ยมได้แล้ว แต่ไม่สามารถนำขึ้นเรือหลวงมันในได้ เนื่องจากสิ่งปลูกสร้างมีขนาดใหญ่ จึงเปลี่ยนแผนเป็นการลากเข้ามาแทน
พลเรือตรีวิธนรัชต์ คชเสนี รองผู้บัญชาการทัพเรือภาคที่ 3 ทำหน้าที่ผู้บัญชาการกองเรือปฏิบัติการ กล่าวว่า การปฏิบัติการย้ายวัตถุลอยน้ำกลับเข้าฝั่งนั้น หลังจากช่วงเช้าทัพเรือภาคที่ 3 ได้นำเรือหลวง 3 ลำ คือ เรือหลวงศรีราชา เรือหลวงมันใน และเรือหลวงริ้น ออกปฏิบัติการเพื่อย้ายสิ่งก่อสร้างบ้านลอยน้ำและฐานเหล็กของกลุ่ม Seasteading เป็นเวลากว่า 5 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้แยกตัวสิ่งก่อสร้างในส่วนที่ลอยน้ำคืออาคารแปดเหลี่ยมออกจากฐานได้สำเร็จ ขณะที่ตัวฐานเหล็กได้นำฝามาปิดและสูบน้ำเข้าเสา เพื่อให้เสาจมลงเมือเสาจมจะทำให้ตัวอาคารแปดเหลี่ยมลอยน้ำ เมื่อตัวอาคารลอยน้ำก็จะลากขึ้นมากับเรือหลวงมันใน ส่วนท่อนเหล็กจะใช้เรือหลวงริ้นลากเข้าฝั่ง คาดว่าจะใช้เวลาลากประมาณ 4 ชั่วโมง จะมาถึงท่าเทียบเรือน้ำลึกได้ในเวลา 19.00 น. ส่วนการดำเนินคดี มั่นใจว่าเจ้าหน้าที่มีหลักฐานเพียงพอ และไม่วิตกหากทางเอกชนจะฟ้องกลับ เพราะตามกฎหมายประเทศไทยสามารถดำเนินการกับผู้กระทำความผิดได้แน่นอน ไม่มีใครมีสิทธิ์ไปปลูกสร้างในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ และเชื่อว่าจากการเข้มงวดจริงจังเรื่องนี้จะเป็นการป้องปรามรายอื่นมาดำเนินการด้วย เพราะภาครัฐจะดำเนินการตามกฎหมายขั้นเด็ดขาด ขณะเดียวกันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องดำเนินคดีไปตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน เชื่อว่าจากนี้ก็จะมีการดำเนินการอย่างแน่นอน
ด้านนายสุพจน์ รอดเรือง ณ หนองคาย รองผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า กรณีการตรวจสอบบริษัทที่เกี่ยวข้องว่าเข้าข่ายนอมินิ หรือฟอกเงินหรือไม่ขณะนี้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกำลังตรวจสอบข้อมูล ซึ่งจะตรวจสอบทั้งในเรื่องของเส้นทางการเงิน การจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทและอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง คาดว่าไม่ช้าจะทราบผล ส่วนการรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อขอออกหมายจับนั้น คาดว่าจะใช้เวลาไม่นานเช่นกัน เพราะเวลานี้มีพยานหลักฐานที่สามารถดำเนินคดีกับผู้ที่กระทำความผิดได้ และขณะนี้ความผิดที่เกิดขึ้นถือว่าเป็นความผิดที่สำเร็จแล้ว.-สำนักข่าวไทย