เอเซียพลัสให้เป้าดัชนีปีนี้ 1,705 จุด

สาธรซิตี้ 27 มี.ค. – บล.เอเซียพลัสมองหุ้นไทยไตรมาส 2 ดีขึ้น ให้เป้าดัชนีปีนี้ 1,705 จุด ภายใต้รัฐบาลใหม่มีคะแนนสนับสนุนสูสี


นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บริษัทหลักทรัพย์เอเซียพลัส กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยให้น้ำหนักการเมืองในประเทศเป็นหลัก ผลการเลือกตั้งตามระบบจัดสรรปันส่วนผสม ทำให้จำนวน ส.ส.กระจายตัวค่อนข้างมาก ทำให้เกิดขั้วทางการเมืองที่มีอำนาจต่อรองเพิ่มขึ้น จึงเกิดปรากฏการณ์การแย่งจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งหากการจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งสำเร็จเป็นไปตามกรอบเวลาที่กำหนด โดยคาดว่ามีรัฐบาลใหม่เดือนกรกฎาคมจะเป็นผลดีต่อตลาดหุ้นไทยและกระแสเงินทุนจะไหลกลับมาตลาดหุ้นไทย คาดหุ้นไทยไตรมาส 2 /2562 จะดีขึ้น 

โดยมองไว้ 3 กรณี กรณีดีที่สุด รัฐบาลใหม่มีเสียงสนับสนุนเกิน 300 เสียง ดัชนีหุ้นไทยสิ้นปีนี้จะปรับขึ้นถึงระดับ 1,812 จุด หรือระดับราคาหุ้นต่อกำไรสุทธิ ( พีอี /เรโช ) ที่ 17 เท่า  กรณีพื้นฐาน รัฐบาลมีเสียงสนับสนุนสูสีกับฝ่ายค้าน ดัชนีหุ้นไทยจะอยู่ที่ 1,705 จุด หรือ พีอี /เรโช ที่ 16 เท่า และกรณีแย่ที่สุด ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งได้ จะมีแรงขายจากนักลงทุนทั้งสถาบันและต่างชาติ ดัชนีจะปรับลงมาอยู่ที่ 1,598 จุด หรือพีอี /เรโชที่ 15 เท่า ซึ่งทาง บล.เอเซียพลัส คาดว่าการเมืองในประเทศจะออกมาในกรณีพื้นฐานมากที่สุด ดังนั้น ดัชนีเป้าหมายปีนี้อยู่ที่ 1,705 จุด  จากเดิม 1,795 จุด


ส่วนกระแสเงินทุนไหลเข้าหลังการเลือกตั้ง จากสถิติปี 2544-2554 พบว่าช่วง 7 วันหลังเลือกตั้งเงินทุนต่างชาติไหลเข้าหุ้นไทย 8,000 ล้านบาท และดัชนีหุ้นไทยจะปรับขึ้นร้อยละ 3  แต่การเลือกตั้งครั้งนี้อาจไม่เหมือนกับครั้งที่ผ่านมา เพราะกติกาการเลือกตั้งเปลี่ยนแปลง แต่เชื่อว่าต่างชาติจะเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยขึ้นบ้าง เพราะที่ผ่านมาต่างชาติลดการลงทุนหุ้นไทยเหลือเพียงร้อยละ 22.66 จากปกติร้อยละ 30 คาดจะเพิ่มการลงทุนเป็นร้อยละ 24-25  หากโฉมหน้ารัฐบาลใหม่ชัดเจน 

“ช่วงเดือนเมษายน -พฤษภาคมนี้ คาดว่าตลาดหุ้นไทยจะแกว่งตัว แต่จะไม่ปรับลงแรง เพราะแม้การจะตั้งรัฐบาลใหม่อาจยืดเยื้อ ก็ยังมีรัฐบาลชุดเดิมทำหน้าที่บริหารประเทศจะไม่เกิดภาวะสุญญากาศ” นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ส่วนกำไรสุทธิตลาดรวมอยู่ที่ 1.06 ล้านล้านบาท คิดเป็นกำไรสุทธิต่อหุ้นที่ 106.58 บาท ลดลงจาก 112.2 บาท แต่เนื่องจากฐานกำไรต่ำกว่าปกติปี 2561 ทำให้ EPS Growth ของตลาดหุ้นไทยเติบโตได้ถึงร้อยละ 9 ให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นร้อยละ 50 เน้นลงทุนหุ้นรายตัวที่กำไรโดดเด่นในไตรมาส 1/2562 เช่น PTT, STPI และหุ้นที่เติบโตตามการลงทุนและการบริโภคในประเทศ เช่น BBL, BJC, BGRIM, JMT,M ,STEC รวมทั้งหุ้นผันผวนน้อย เช่น BCH .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า