กองทุนเอฟทีเอเปิดรับสมัครโครงการประจำปี 63

นนทบุรี 27 ก.พ. –  กองทุนเอฟทีเอเปิดยื่นสมัครขอรับความช่วยเหลือปี 63 ตั้งแต่ 1-31 มีนาคมนี้


นายอดุลย์ โชตินิสากรณ์ อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารเงินช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ซึ่งมีปลัดกระทรวงพาณิชย์เป็นประธานว่า ได้ประชุมและมีมติให้เปิดรับสมัครโครงการเพื่อขอรับความช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า ประจำปี 2563 โดยกำหนดเปิดรับสมัครโครงการตั้งแต่วันที่ 1-31 มีนาคม 2562 


สำหรับเงื่อนไขในการขอรับความช่วยเหลือจะต้องเป็นกลุ่มผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่ได้รับหรือคาดว่าจะได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า หรือต้องการจะใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้าที่ต้องการขอรับความช่วยเหลือในระยะสั้น ทั้งนี้ โครงการที่ได้รับอนุมัติจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปี และมีขอบเขตการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรม ได้แก่ การศึกษา วิจัย และพัฒนา การจัดหาที่ปรึกษาเพื่อช่วยเหลือในการปรับปรุงธุรกิจ การฝึกอาชีพหรือทดสอบฝีมือแรงงาน และกิจกรรมที่มีผลต่อการสนับสนุนการบริโภค การตลาด และการส่งออก เป็นต้น นอกจากนี้ โครงการที่เสนอขอรับความช่วยเหลือควรมีความสอดคล้องกับแผนพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ นโยบายด้านเศรษฐกิจของรัฐบาล หรือยุทธศาสตร์ของกระทรวงพาณิชย์ และไม่เป็นโครงการที่ได้รับอนุมัติให้ความช่วยเหลือจากหน่วยงานอื่น ๆ แล้ว 

ทั้งนี้ กลุ่มผู้ผลิตสินค้าหรือบริการที่ต้องการจะขอรับความช่วยเหลือ หรือต้องการจะใช้ประโยชน์จากการเปิดเสรีทางการค้า จะต้องยื่นใบสมัครพร้อมรายละเอียดข้อเสนอโครงการฯ โดยให้เสนอผ่านหน่วยงานของรัฐหรือสมาคมหรือองค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้อง เช่น พาณิชย์จังหวัด สหกรณ์จังหวัด รวมถึงสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย เป็นต้น 

อย่างไรก็ตาม โครงการช่วยเหลือเพื่อการปรับตัวของภาคการผลิตและภาคบริการที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการค้า จัดตั้งขึ้นเพื่อเป็นการเยียวยากลุ่มผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเปิดเสรีทางการ โดยผลการดำเนินงานโครงการเริ่มตั้งแต่ปี 2550-2561 มีโครงการที่ได้รับความช่วยเหลือไปแล้วจำนวน 58 โครงการ ได้แก่ 1.กลุ่มสินค้าเกษตร 28 โครงการ อาทิ โคเนื้อ โคนม ชา สับปะรด หอมแดง ไม้ดอก และกาแฟอาราบิก้า เป็นต้น 2.กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรม 21 โครงการ อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า ยาแผนโบราณ เครื่องสำอางสมุนไพร พลาสติก และสิ่งทอ เป็นต้น และ 3.กลุ่มภาคบริการ 9 โครงการ อาทิ ธุรกิจร้านอาหาร โลจิสติก วิศวกรรม และโรงแรม เป็นต้น โดยในปีนี้ กรมฯ อยู่ระหว่างการยื่นเสนอขอรับจัดสรรงบประมาณปี 2563 ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสำนักงบประมาณ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ กองสิทธิประโยชน์ทางการค้า กรมการค้าต่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ โทรศัพท์ 0 2547 4818, 0 2547 4892 โทรสาร 0 2547 4816 หรือเว็บไซต์กรมการค้าต่างประเทศ www.dft.go.th หรือสายด่วน 1385 ได้.-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เชียงใหม่อากาศแปรปรวน เจอลมหนาว-ฝนตก 3 วันติด

ชาวเชียงใหม่เจอลมหนาวและฝนตกต่อเนื่อง 3 วันติด อุตุฯ ย้ำอากาศแปรปรวน เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน เชียงราย ยังมีฝนตกและลมหนาว แนะรักษาสุขภาพ

“อัจฉริยะ” ยื่นสอบปม “ทนายตั้ม” ปูดข่าวผู้บริหารปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ

“อัจฉริยะ” ยื่นหนังสือตรวจสอบข้าราชการช่วยผู้บริหารรัฐวิสาหกิจปลอมเอกสารขยายอายุเกษียณ คาดอาจมีทนายดังเข้าไปเอี่ยว เสนอตำรวจให้สอบพยานรายสำคัญที่เป็นประโยชน์กับ “มาดามอ้อย”

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊ก บช.ก. สอบปากคำ

“ทนายตั้ม” เครียดหนัก หลัง 3 บิ๊กสอบสวนกลาง สอบปากคำ นานกว่า 5 ชั่วโมง ขณะที่พนักงานสอบสวนเตรียมเข้าค้น “ษิทรา ลอว์ เฟิร์ม” เช้าพรุ่งนี้ หาหลักฐานเพิ่ม ก่อนฝากขังช่วงบ่าย ค้านประกันตัว

“บิ๊กอ้อ” เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” มีพฤติการณ์หนี-ยุ่งเหยิงพยานฯ

“บิ๊กอ้อ” ชี้ตำรวจต้องออกหมายจับ “ทนายตั้ม” เหตุพบพฤติการณ์เตรียมหลบหนีออกนอกประเทศ และยุ่งเหยิงกับพยานหลักฐาน นอกจากนี้ยังมีคดีต่อเนื่อง 3 คดี เตรียมแจ้งข้อหาเพิ่ม

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นตอนเช้า-ภาคใต้ฝนหนัก

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” อากาศเย็นในตอนเช้า เตือนภาคใต้ฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่ง พร้อมอัปเดตเส้นทางพายุ “หยินซิ่ง”

MOU44

MOU 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง ตอนที่ 1

ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา เรื่องเอ็มโอยู 44 และเส้นแบ่งอาณาเขตทางทะเล หรือเส้นเคลม กลายเป็นปมร้อน ท่ามกลางความกังวลถึงผลประโยชน์ของชาติทางทะเล และสิทธิเหนือเกาะกูด ติดตามความเห็นและมุมมองจากผู้เกี่ยวข้องในรายงาน “ปมร้อน เอ็มโอยู 44 ผลประโยชน์ชาติ กับ การเมือง”

ทนายตั้ม

“ทนายตั้ม” สร้างตัวตนผ่านสื่อ หวังหาผลประโยชน์หรือไม่

หลังจากพนักงานสอบสวนควบคุมตัว “ทนายตั้ม” และภรรยา เข้าเรือนจำไปแล้ว มีคำถามตามมาว่า ทนายคนดังสร้างตัวตนจนโดดเด่นในสังคม เพื่อหาผลประโยชน์จากความน่าเชื่อถือที่สร้างไว้หรือไม่