ผู้ว่าฯ โคราช ออกกฎเหล็ก ขรก.เมาขับต้องดำเนินคดีอาญา

นครราชสีมา 24 ธ.ค. – กรณีชายเมาซิ่งชนตำรวจจราจรเสียชีวิตขณะปฏิบัติหน้าที่บริเวณหน้าโรงเรียน ผู้ว่าฯ นครราชสีมา ออกกฎเหล็ก หากข้าราชการเมาแล้วขับ ต้องดำเนินคดีอาญา ส่งเรื่องเอาผิดทางวินัยกับต้นสังกัดทันที


ภาพวงจรปิดของโรงเรียนบ้านดอนขวาง ต.หัวทะเล อ.เมืองโคราช เมื่อเวลา 16.15 น. วานนี้ (24 ธ.ค.) ขณะเด็กนักเรียน ผู้ปกครอง ประชาชน และตำรวจจราจร ยืนอยู่หน้าโรงเรียน จู่ๆ รถซีอาร์วีสีบรอนซ์เงินขับพุ่งชน และไปหยุดอยู่ที่กำแพงโรงเรียน รถตะแคง ด้านหน้าพังยับ เหตุการณ์นี้ไม่แค่รถที่อยู่บริเวณดังกล่าวจะเสียหาย ยังทำให้ ร.ต.ท.วิมุต แท่นสุโพธิ์ อายุ 53 ปี รองสารวัตรจราจร สภ.เมืองนครราชสีมา ที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อำนวยความสะดวกอยู่หน้าโรงเรียนเสียชีวิต นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีก 9 คน เป็นผู้ปกครอง 4 คน แม่ค้า 1 คน และนักเรียน 4 คน ในจำนวนนี้มีนักเรียนวัย 4 ขวบ บาดเจ็บสาหัส 1 คน

ผลตรวจปริมาณแอลกอฮอล์ข้าราชการบำนาญพุ่ง 194 มิลลิกรัม
ส่วนคนขับรถคันเกิดเหตุคือ นายสมศักดิ์ อายุ 75 ปี ข้าราชการบำนาญ วัย 75 ปี มีอาการมึนเมา คุยไม่รู้เรื่อง ตำรวจคุมตัวไปวัดปริมาณแอลกอฮอล์สูงถึง 194 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ เมื่อสร่างเมาแม้จะให้การยอมรับไปดื่ม สังสรรค์กับเพื่อนและขับมาด้วยความเร็ว แต่เมื่อมาถึงที่เกิดเหตุบอกว่าไม่รู้ตัวว่าเกิดอะไรขึ้น ล่าสุดตำรวจดำเนินคดีข้อหาหนัก เมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย และบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ส่วนข้อหาเมาแล้วขับเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับอันตรายบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี และปรับ 40,000-120,000 บาท และพักใบอนุญาตขับขี่ไม่น้อยกว่า 1 ปี หรือเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่


ฝากขัง-ค้านประกันข้าราชการบำนาญซิ่งชน ตร.จราจรดับ
ส่วนการดำเนินคดีกับนายสมศักดิ์ เมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา พนักงานสอบสวน สภ.เมืองนครราชสีมา ควบคุมตัวนายสมศักดิ์ ไปขออำนาจศาลจังหวัดนครราชสีมา ฝากขังผัดแรก พร้อมคัดค้านการประกันตัว

ปูนบำเหน็จ 3 ชั้นยศ ตร.จราจร ถูกชนดับขณะปฏิบัติหน้าที่
ด้านผู้บังคับการตํารวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา บอกว่าต้นสังกัดตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา ได้เยียวยาร.ท.ต.วิมุตต์ ผู้เสียชีวิต โดยเพิ่มขั้นเงินเดือน 3 ขั้น และปูนบำเหน็จ 3 ชั้นยศ จาก ร.ต.ท. เป็น พ.ต.ท. และมีการเพิ่มเงินพิเศษ 3 ขั้น ส่วนสวัสดิการอื่นๆ เท่าที่ตรวจสอบแล้วน่าจะอยู่ประมาณ 2.5 ล้านบาท ที่สำนักงานตำรวจฯ และบำเน็จบำนาญของข้าราชการที่จะมอบให้และคู่กรณีมีประกันภาคบังคับกับภาคสมัครใจ สามารถจะช่วยเหลือครอบครัว ร.ต.ท.วิมุตต์ ได้ประมาณ 2 ล้านบาท โดยครอบครัวรับศพ ร.ต.ท.วิมุตต์ ไปบำเพ็ญกุศลที่วัดสามัคคี ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา ช่วงบ่ายวันนี้ (24 ธ.ค.)

ส่วนอาการของนักเรียน และผู้ปกครอง รักษาตัวที่โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา ล่าสุดผู้บาดเจ็บส่วนใหญ่อาการปลอดภัย แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านได้แล้ว เหลือผู้บาดเจ็บอีกเพียง 2 ราย เป็นเด็กนักเรียนชาย อายุ 5 ขวบ อาการโคมา รักษาตัวอยู่ในห้องไอซียู และเด็กหญิง อายุ 10 ปี ศีรษะแตก อาการปลอดภัยแล้ว รักษาตัวอยู่ที่ชั้น 4 ห้องศัลยกรรมเด็กและผู้หญิง อาคารผู้ป่วย 8 ชั้น


เครือข่ายเมาไม่ขับ ยื่นหนังสือ ผบช.ภ.3 เอาจริงกรณีเมาไม่ขับ
กรณีดังกล่าวทำให้กลุ่มเครือข่ายเมาแล้วขับในมูลนิธิเมาไม่ขับภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เข้ายื่นหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 เพื่อให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ตำรวจในการปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรบนท้องถนนในช่วงเทศกาลปีใหม่ และแสดงความเสียใจกับเหตุการณ์หน้าโรงเรียน พร้อมฝากข้อกังวลไปถึงเจ้าหน้าที่ ขอให้ บังคับใช้กฎหมายกับผู้ที่เมาแล้วขับอย่างจริงจังและเข้มข้น และยังได้ร่วมยืนไว้อาลัยต่อผู้เสียชีวิตเป็นเวลา 1 นาที

ผู้ว่าฯ นครราชสีมา ออกกฎเหล็กคุมเข้มข้าราชการเมาแล้วขับ
ขณะที่ นายชัยวัฒน์ ชื่นโกสุม ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา นำหัวหน้าส่วนราชการร่วมยืนไว้อาลัยให้กับเจ้าหน้าที่ตำรวจที่เสียชีวิต และนักเรียนที่บาดเจ็บ จากเหตุการณ์ดังกล่าว ก่อนประชุมหัวหน้าส่วนราชการ ที่ศาลากลางจังหวัด พร้อมกล่าวว่า รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเหตุดังกล่าวไม่ควรเกิดขึ้น หากทุกคนมีจิตสำนึก ขับขี่อย่างปลอดภัย พร้อมออกมาตรการคุมเข้ม ข้าราชการที่เมาและขับในจังหวัด ไม่ว่าจะสังกัดกระทรวงใด เมาแล้วขับให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีอาญาอย่างเคร่งครัด และรายงานไปยังต้นสังกัดเพื่อให้มีการลงโทษทางวินัยด้วย

เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่วัดสามัคคี ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครราชสีมา เจ้าหน้าที่ได้เคลื่อนร่าง ร.ต.ท.วิมุตต์ มีการนำธงชาติไทยคลุมร่าง เข้ามาภายในศาลาเพื่อประกอบพิธีรดน้ำศพ บรรยากาศเต็มไปด้วยความศร้าโศก ทั้งแม่ ภรรยาและลูกสาว ยังไม่สามารถทำใจกับการสูญเสียในครั้งนี้ได้ โดยเฉพาะลูกสาวคนโตที่กอดหมวกกันน็อกของ ร.ต.ท.วิมุตต์ ที่ใส่ไปปฏิบัติหน้าที่ในวันเกิดเหตุ พร้อมกับร้องไห้อยู่ตลอดเวลา

ครอบครัวเรียกร้องดำเนินคดีข้าราชการบำนาญให้ถึงที่สุด
นางใจทิพย์ ภรรยา ร.ต.ท.วิมุตต์ เปิดใจทั้งน้ำว่า ร.ต.ท.วิมุตต์ ไปปฏิบัติหน้าที่อำนวยการจราจรที่หน้าโรงเรียน เป็นประจำเช้า-เย็น คอยนำนักเรียนข้ามถนน ก่อนหน้านี้อยู่หน้าบริเวณโรงเรียนอนุบาลเมืองนครราชสีมา ซึ่งปฏิบัติหน้าที่มาเกือบ 10 ปี หลังย้ายมาจาก จ.สุรินทร์ โดยในวันเกิดเหตุมีคนมาโทรบอกกับว่าสามีประสบอุบัติเหตุ แต่ไม่ได้ยืนยันว่าเสียชีวิต จนมารู้ว่าเสียชีวิตแล้วที่โรงพยาบาล ซึ่งหลังเกิดเหตุฝ่ายคู่กรณีมาพูดคุยด้วยแต่ไม่ได้ฟังอะไรจากฝั่งเขา ห่วงแต่คนของเรา อยากฝากบอกสามีว่าไม่ต้องห่วงอะไร ไม่ต้องเป็นห่วงลูก เพราะลูกโตและทำงานแล้ว และอยากให้ดำเนินคดีกับฝ่ายคู่กรณีให้ถึงที่สุด

ขณะที่นายเจษฎา เพื่อนสนิท ร.ต.ท.วิมุตต์ บอกว่าเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่สมัยเรียน ผู้เสียชีวิตมีใจรักจึงได้ไปสอบเข้าเป็นตำรวจ ก่อนเกิดอุบัติเหตุเพียงไม่กี่นาทีตนเพิ่งทักไปพูดคุยกับผู้เสียชีวิต อบัติเหตุครั้งนี้เป็นเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้น ปัญหาเมาแล้วขับเป็นปัญหาใหญ่ของสังคม อยากให้ทุกคนช่วยกันตระหนักและไม่ให้เกิดเรื่องเศร้าใจแบบนี้อีก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]