กรุงเทพฯ 2 ก.พ.- พรรคพลังประชารัฐจัดงาน “รวมพลังสร้างชาติ” เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส. ยิ่งใหญ่ “สนธิรัตน์” เชื่อ 24 มี.ค. ได้คะแนนถล่มทลาย ชู “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นผู้นำที่เหมาะสมที่สุด “อุตตม” เชื่อ หาก “พล.อ.ประยุทธ์” ตอบรับ พรรคจะไร้เทียมทาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (2 ก.พ.) พรรคพลังประชารัฐเปิดตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส. แบบแบ่งเขต และแบบบัญชีรายชื่อ ภายใต้ชื่องาน “รวมพลังสร้างชาติ” ท่ามกลางกองเชียร์และผู้สนับสนุนที่มาให้กำลังใจเต็มสนามฟุตซอลบางกอกอารีน่า หนองจอก ทันทีที่เริ่มงาน นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค นายสุวิทธ์ เมษิณทรีย์ รองหัวหน้าพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค และนายกอบศักดิ์ ภูตระกูล โฆษกพรรค ได้เดินเข้ามาภายในสนามฟุตซอล เพื่อเป็นการเปิดงานอย่างเป็นทางการ มีการรักษาความปลอดภัยเข้มงวด ตรวจกระเป๋าผู้เข้าร่วมงาน เพื่อป้องกันการพกพาอาวุธเข้ามาสร้างความวุ่นวายภายในงาน
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า วันนี้ เป็นวันที่พรรคพลังประชารัฐ ประกาศความพร้อมที่จะอาสามารับใช้บ้านเมือง และเป็นวันเปิดตัวผู้สมัคร ทั้งระบบเขตและบัญชีรายชื่อ ที่ยิ่งใหญ่ของการเมืองไทยในยุคนี้ เสียงของประชาชนในสนามวันนี้ เชื่อว่า วันที่ 24 มีนาคม คะแนนจะถล่มทลายกว่านี้ และว่า พรรคพลังประชารัฐก่อตั้งบนความร่วมมือร่วมใจของทุกฝ่าย ที่เห็นว่าจะต้องมีพรรคที่พร้อมเป็นทางเลือก และทางออกให้กับประเทศ พรรคพลังประชารัฐเข้ามาด้วยระบบประชาธิปไตย เชื่อมั่นในระบบประชาธิปไตย
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ประชาธิปไตย ที่แท้จริง คือ ประชาธิปไตยเพื่อประชาชนยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่าง และไม่ใช่ประชาธิปไตยเพื่อใครบางคน สามารถแก้ปัญหาอุปสรรคบ้านเมือง ไม่ใช่จะทำอะไรก็ได้ เพื่อพวกพ้องของตัวเอง และเมื่อพ่ายแพ้กลับพาพวกลงเดินบนท้องถนน
“ผมอยากเห็นทุกพรรค ทุกกลุ่มการเมือง เดินหน้าสู่ประชาธิปไตย ด้วยแนวคิด นโยบาย ผลงาน ไม่ใช่ด้วยการสร้างความแตกแยก หรือทำให้คนอื่นผิด แล้วตัวเองถูก ประเทศต้องการความสงบเรียบร้อย ไม่ต้องการความขัดแย้งและต้องเดินหน้าต่อไป ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้ใครนำประเทศกลับไปสู่ความขัดแย้งและตกต่ำอีกต่อไป” นายสนธิรัตน์ กล่าว
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า แม้จะมีคนบอกว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้เปรียบในการลงสู่การเลือกตั้งครั้งนี้ แต่พรรคพลังประชารัฐเกิดขึ้นภายใต้กติการัฐธรรมนูญ ที่ทุกพรรคต้องเคารพ ขออย่าอ้างความเห็นของตัวเอง แล้วโจมตีรัฐธรรมนูญ โดยไม่เคารพมติของประชาชน และขอให้เลิกโจมตีที่มาของนายกรัฐมนตรี ที่ให้ ส.ว.และ ส.ส.ร่วมกันลงมติ เนื่องจากประชาชนได้เห็นชอบแนวทางนี้แล้ว
“ขอให้เลิกโจมตีในสิ่งที่ตัวเองทำไม่ได้ เพราะสิ่งเหล่านั้นทำให้ประเทศเกิดความล้าหลัง หากจำได้ดี เมื่อปี 2557 เกิดเหตุการณ์ความไม่สงบขึ้นโดยมีจุดเริ่มต้นจากกฏหมายนิรโทษกรรม ที่พรรคการเมืองหนึ่งเสนอ ซึ่งความขัดแย้งดังกล่าวสะสม จนเป็นเหตุทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ต้องเข้ามาเพื่อแก้ปัญหา” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทันทีที่พูดถึง พล.อ.ประยุทธ์ ก็ปรากฏภาพ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ฉากหลังบนเวทีทันที พร้อมข้อความด้านข้างที่ระบุว่า ผู้นำที่เหมาะสมในสถานการณ์บ้านเมืองปัจจุบัน
“บริบทการเมืองในวันนี้ หากมีผู้นำที่ไม่เหมาะสม ก็จะไม่สามารถสานต่อภารกิจในการฟื้นฟูประเทศได้ เวลานี้คือช่วงเวลาที่สำคัญที่สุด จึงหวังว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะใช้เวลานี้ตัดสินใจมาเป็นผู้นำของเรา” นายสนธิรัตน์ กล่าว
ด้าน นายอุตตม กล่าวว่า เหลืออีก 50 วัน จะก้าวสู่ชัยชนะอย่างแน่นอน และยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐ ไม่เลือกอยู่ข้างคนที่อ้างว่าเป็นผู้สนับสนุนประชาธิปไตย ทั้งที่เป็นเผด็จการรัฐสภา และพาคนไทยตายไปพร้อมกัน แต่พรรคจะเลือกข้างที่สร้างสรรค์ประชาธิปไตยให้คนไทยอย่างแท้จริง
“หาก พล.อ.ประยุทธ์ ตอบรับมาเป็นผู้นำ พรรคพลังประชารัฐก็จะไร้เทียมทาน และจะสนับสนุนผู้สมัครทุกคนอย่างเต็มที่ โดยให้แกนนำลงไปช่วย เพื่อไปเจอทุกคนในรัฐสภา” นายอุตตม กล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พรรคพลังประชารัฐจะส่งผู้สมัครแบบแบ่งเขตให้ครบทั้ง 350 เขต แต่การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแบบแบ่งเขต วันนี้ มีทั้งสิ้น 346 เขต เนื่องจาก ในจังหวัดพัทลุง เขต 2 ภูเก็ต เขต 1 และ 2 และ ลำพูน เขต 2 ยังไม่มีผู้สมัคร เนื่องจากคุณสมบัติยังไม่ลงตัว นอกจากนี้ ยังไม่เปิดเผยรายชื่อว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อของพรรคทั้ง 150 คน เพราะยังจัดทำไม่แล้วเสร็จ
ทั้งนี้ ภายหลังการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ผู้ดำเนินรายการบนเวที ได้สอบถามประชาชนที่ร่วมฟังการเปิดนโยบายเป็นระยะว่า นายกฯ ชื่ออะไร ซึ่งประชาชนก็ตอบทุกครั้งว่า “ลุงตู่” ..- สำนักข่าวไทย