กรุงเทพฯ 21 ม.ค. – รองนายกรัฐมนตรีเห็นชอบหลักเกณฑ์จ่ายค่าชดเชยนำเรือประมงออกนอกระบบที่สำรวจและขึ้นทะเบียนกลุ่มแรก 570 ลำ วงเงิน 600 ล้านบาท เตรียมเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาพรุ่งนี้
พลเอกฉัตรชัย สาริกัลยะ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้ได้ให้ความเห็นชอบการประเมินราคาตามสภาพเรือประมง กำหนดเกณฑ์การประเมินราคาเรือตามสภาพความเป็นจริงของเรือที่ประสงค์นำออกนอกระบบ ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือประมงออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนเสนอ เบื้องต้นคาดว่าจะใช้วงเงินประมาณ 600 ล้านบาท จ่ายชดเชยการนำเรือประมงออกนอกระบบ 570 ลำ ที่แจ้งความประสงค์ไว้กับกรมประมงไว้เรียบร้อยแล้ว ซึ่งเป็นเรือประมงที่ไม่สามารถออกทำประมง ตั้งแต่เริ่มมีการแก้ไขปัญหาไอยูยูตั้งแต่ปี 2558 เพราะไม่มีใบอนุญาตประมง
สำหรับกระบวนการขั้นตอนการจ่ายชดเชยนำเรือประมงออกนอกระบบนั้น คณะอนุกรรมการฯ ได้แต่งตั้งคณะทำงาน 2 ชุด ได้แก่ คณะทำงานรวบรวมข้อมูลสภาพเรือประมง 22 จังหวัดชายทะเลเพื่อประเมินสภาพเรือประมงปี 2558 ตามแบบการประเมินการชดเชยตามสภาพเรือประมง แล้วจัดส่งแบบประเมินพร้อมรูปถ่ายเรือให้คณะทำงานชุดที่ 2 คือ คณะทำงานประเมินราคาตามสภาพเรือประมงเพื่อประเมินค่าชดเชย ทั้งนี้ คุณสมบัติของเรือและเจ้าของเรือที่จะพิจารณานำเรือออกนอกระบบต้องเป็นเรือที่แจ้งความประสงค์จะนำเรือออกนอกระบบตามประกาศคณะทำงานตรวจสอบประวัติความถูกต้อง และคุณสมบัติเรือประมงและเจ้าของเรือ โดยรายชื่อและเจ้าของเรือที่จะได้รับการประเมินต้องเป็นรายชื่อที่ผ่านการพิจารณาของคณะทำงานฯ ด้วยเช่นกัน
พลเอกฉัตรชัย กล่าวว่า จะเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (22 ม.ค.) ซึ่งการดำเนินการดังกล่าวถือเป็นการให้กำลังใจชาวประมงที่ให้ความร่วมมือกับรัฐแก้ปัญหาไอยูยูตลอดระยะเวลา 3 ปี คาดว่าเมื่อ ครม.เห็นชอบการจ่ายเงินชดเชยนำเรือประมงออกนอกระบบ 570 ลำ จะเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ และเรือที่เข้าโครงการนำเรือออกนอกระบบครั้งนี้จะไม่กลับสู่ระบบประมงอีกแล้ว โดยเรือเหล่านี้เจ้าของจะต้องรื้อทำลายทั้งหมด
ด้านนายอรุณชัย พุทธเจริญ รองอธิบดีกรมประมง ในฐานะผู้ช่วยเลขานุการคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือออกนอกระบบเพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืน กล่าวว่า ตามที่คณะอนุกรรมการกลั่นกรองฯ มีคำสั่งแต่งตั้งคณะทำงานรวบรวมข้อมูลสภาพเรือประมง 22 จังหวัดชายทะเล ประกอบด้วย ประมงจังหวัด ผู้อำนวยการสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค เจ้าพนักงานตรวจเรือ ผู้แทนสมาคมประมง หัวหน้ากลุ่มบริหารจัดการด้านการประมง และนักวิชาการประมง ทำหน้าที่ประเมินสภาพเรือประมงในพื้นที่ตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่คณะทำงานประเมินราคาฯ กำหนด นอกจากนี้ ยังทำหน้าที่รวบรวมข้อมูลเรือประมงทั้งภาพถ่ายเอกสารที่เกี่ยวข้อง เพื่อรายงานผลการประเมินเรือทั้งหมดส่งให้คณะทำงานประเมินราคาฯ ดำเนินการ สำหรับเกณฑ์การประเมินเพื่อรับค่าชดเชยในการนำเรือประมงออกนอกระบบนั้นประเมินจากโครงสร้างของเรือ โดยเกณฑ์การให้น้ำหนักคะแนนแต่ละโครงสร้างจะพิจารณาจากสภาพไม้และปริมาณไม้ที่ใช้ในการประกอบเป็นโครงสร้างแต่ละส่วนของเรือแบ่งเป็น 4 ส่วน ได้แก่ เปลือกเรือ พื้นเรือ-ดาดฟ้า กงเรือ-กระดูกงู และ เก๋งเรือ โดยเกณฑ์ให้น้ำหนักคะแนนแต่ละโครงสร้างพิจารณาจากปริมาณไม้ที่ใช้ในการประกอบเป็นโครงสร้างแต่ละส่วน ประกอบด้วย เปลือกเรือ ร้อยละ 35 พื้นเรือ-ดาดฟ้า ร้อยละ 10 กงเรือ – กระดูกงู ร้อยละ 25 และเก๋งเรือ ร้อยละ 10 โดยประเมินสภาพไม้จากโครงสร้างเรือแต่ละส่วนโดยวิธีการให้คะแนน แบ่งเป็น 4 ระดับ คือ สภาพไม่ดี สภาพพอใช้ สภาพดี และสภาพดีมาก
นอกจากนี้ เรือประมงดังกล่าวได้แสดงหลักฐานรายละเอียดของเรือประมง คือ อัตลักษณ์ การตรึงพังงา สถานที่จอดเรือ เพื่อเปรียบเทียบกับภาพถ่ายเมื่อปี 2558 หรือปี 2560 เพื่อยืนยันการมีอยู่จริงและป้องกันการสวมสิทธิ์ของเรือประมงที่จะนำออกนอกระบบ โดยการประเมินค่าชดเชยจะคำนวณจากราคาอ้างอิง ตามมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2558 การประเมินสภาพเรือประมงที่จะนำออกนอกระบบดำเนินการแล้วเสร็จเมื่อวันที่ 12 มกราคม หลังจากนั้นคณะทำงานประเมินราคาฯจะจัดทำสรุปผลการประเมินราคาเรือเป็นรายลำและรวบรวมสรุปจำนวนเรือและราคาประเมินทั้งหมดเสนอต่อคณะอนุกรรมการกลั่นกรองการนำเรือประมงออกนอกระบบ เพื่อการจัดการทรัพยากรประมงทะเลที่ยั่งยืนและเสนอต่อคณะรัฐมนตรีต่อไป.-สำนักข่าวไทย