กาญจนบุรี 5 ก.ย.- ผบช.ปส.นำทีมลุยค้นเป้าหมายกาญจนบุรี 6 จุด ตามจับ 2 ผู้ต้องหายาเสพติดแย่งปืนยิงตำรวจบาดเจ็บ พร้อมขยายผลคำซัดทอดกำนันมีเอี่ยว กำชับ จนท.เร่งแกะรอยหวั่นหลบหนีข้ามแดน หลังมีเบาะแสซุกป่าไทรโยค
กรณี 2 ผู้ต้องหาคดียาเสพติด คือ นายเฉลิมพล จิตนิยม อายุ 25 ปี และนายสุธิพร กลิ่นหอม อายุ 26 ปี ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมและแย่งปืนยิงตำรวจบาดเจ็บ 1 นาย คือ ดาบตำรวจสกล บุญสาย ผบ.หมู่ กก.1 บก.ปส.4 กาญจนบุรี ก่อนจี้ชิงรถของชาวบ้านขับหลบหนีไปเมื่อบ่ายวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา และเช้ามืดวันนี้ (5 ก.ย.) พล.ต.ท.เรวัช กลิ่นเกษร ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด (บช.ปส.) สนธิกำลังทหารกองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์กาญจนบุรี เข้าตรวจค้นเป้าหมายในพื้นที่ตำบลพระแท่น อำเภอท่ามะกา จังหวัดกาญจนบุรี ทั้ง 6 จุด เพื่อตามหาตัวผู้ต้องหาทั้งสอง
พล.ต.ท.เรวัช กล่าวว่า จากการปูพรมลงตรวจค้นเป้าหมายครั้งนี้ แม้ไม่พบตัวผู้ต้องหาทั้งสอง แต่ได้ตรวจยึดอาวุธปืนมาตรวจสอบ 3 กระบอก ส่วนรถที่พบยาบ้าจำนวน 20,000 เม็ดนั้น ตรวจสอบพบว่าเป็นรถของกำนันคนหนึ่งในพื้นที่ และระหว่างการควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้งสองให้การซัดทอดว่ากำนันคนดังกล่าวมีส่วนเกี่ยวข้องด้วย ถือเป็นข้อมูลที่จะต้องสืบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงว่ามีส่วนเกี่ยวกับขบวนการค้ายาเสพติดหรือไม่ โดยตำรวจได้ประสานกับนายบุญญะพัฒน์ จันทรอุไร รองผู้ว่าราชการจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อมาประชุมและรับทราบข้อมูล หากพบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องจริงจะดำเนินการตามกฏหมายไม่มีการละเว้น
พล.ต.ท.เรวัช กล่าวด้วยว่า ล่าสุดมีข่าวว่าผู้ต้องหาหนีไปกบดานในป่าเขตอำเภอไทรโยค เพื่อเตรียมข้ามแดนไปฝั่งประเทศเพื่อนบ้าน ทางตำรวจได้ประสานกับทหารและฝ่ายปกครองจัดกำลังเข้าติดตามอย่างใกล้ชิด พร้อมเฝ้าระวังเส้นทางตามแนวชายแดนและกำชับให้ชุดจับกุมระมัดระวังขณะปฏิบัติหน้าที่ เพราะผู้ต้องหาที่หลบหนีมีอาวุธปืนอาจต่อสู้ขัดขืนการจับกุม
ด้าน พ.อ.บรรยง ทองน่วม ผบ.ฉก.ลาดหญ้า กำชับให้ พ.อ.เฉลิมชัย ชัดใจ รองผบ.ฉก.ลาดหญ้า ร่วมกับ พ.ต.อ.ขวัญชัย ธีระกุล ผกก.สภ.สังขละบุรี พ.ต.ท.สิงหา วังวงศ์ทอง รอง ผกก.ป. และ พ.ต.ท.วรากร วิทยาบำรุง ผบ.ร้อย ตชด.134 ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง และ อส. ตั้งด่านและจุดสกัดต่างๆในพื้น อ.สังขละบุรี พร้อมทั้งนำภาพของผู้ต้องหาติดประกาศไว้ตามจุดต่าง ๆ รวมทั้งประสานกับทหารและตำรวจในฝั่งอำเภอพญาตองซู ประเทศเมียนมาร์ เพื่อขอความร่วมมือช่วยกันจับตาผู้ต้องหาทั้งสอง.-สำนักข่าวไทย