อสมท 26 ธ.ค.- จับทิศทางราคาน้ำมัน หลังปีนี้หักปากกาเซียน ผันผวนอย่างหนักแต่แนวโน้มราคาที่ต่ำส่งผลดีต่อกระเป๋าผู้บริโภค ขณะที่ข่าวใหญ่ด้านพลังงานปีนี้คือประมูลแหล่งบงกชเอราวัณแล้วเสร็จ แผนพีดีพีใหม่กดค่าไฟฟ้า และดีลจีพีเอสซีซื้อโกลว์พลังงาน
ราคาน้ำมันพรุ่งนี้มีข่าวดี อีกกลุ่มเบนซินลดลงอีก 40 สต. ดีเซลลด 50 สต. เพียง 2 วันราคาน้ำมันก็ลดลงราว 1.50 บาท/ลิตร ซึ่ง ปตท. และบางจาก ประกาศจะตรึงราคาน้ำมันข้ามปีจากวันพรุ่งนี้ถึง 4 มกราคม คือจะไม่ขึ้นราคาหากน้ำมันปรับขึ้นราคา แต่หากราคาน้ำมันดิบลดลงแรงก็อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงราคาปรับลดลงให้เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ รวมทั้งสำรองน้ำมันให้เพียงพอ ดูแลห้องน้ำให้สะอาด และจัดการจราจรในปั๊มให้เหมาะสมรองรับการเดินทางของประชาชนที่จะพบว่าปั๊มเป็นสถานที่พลุกพล่านเป็นทั้งที่เติมน้ำมัน เติมพลังให้พร้อมสำหรับการเดินทาง
ราคาน้ำมันที่ลดลงมาจากทั้งบาทแข็งค่าจากดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลงเพราะปัญหาการเมืองในสหรัฐและเศรษฐกิจสหรัฐไม่ได้ขยายตัวตามที่คาดก่อนหน้านี้ กดดันการคาดการณ์การเติบโตของการใช้น้ำมันให้ต่ำกว่าคาด ประกอบกับพลังงานทางเลือกและแหล่งน้ำมันมีมากขึ้นจากรัสเซีย จากแหล่งเชลล์ออยล์ หรือหินดินดานของสหรัฐ ประกอบกับปัญหาการเมืองระหว่างประเทศสงครามการค้าสหรัฐ – จีน ก็ทำให้ราคาน้ำมันดิบผันผวนแรงมากต้นปีน้ำมันดิบดูไบ อยู่ที่ราว 60 เหรียญต่อบาร์เรล และไต่ไปสูงสุดที่ 84.40 เหรียญต่อบาร์เรล เมื่อเดือนกันยายน ตอนนั้นใครก็คาดว่าอาจเห็น 100 เหรียญ แต่ท้ายสุดก็ร่วงอย่างรวดเร็วปิดตลาดก่อนคริสต์มาส ลดลง 30 เหรียญเหลือไม่ถึง 54 เหรียญ/บาร์เรล
ในขณะที่ราคาในไทย รัฐบาลตรึงดีเซล ไม่เกิน 30 บาท ในช่วงราคาน้ำมันสูง ตรึงราคาแอลพีจี ส่วนกลุ่มเบนซินปรับขึ้นตามตลาดโลกสูงสุดเคย 32 บาทต่อลิตร ใช้กลไกกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงมาดูแล อย่างไรก็ตามล่าสุดราคาน้ำมันพรุ่งนี้ก็ลดลงจากสูงสุด 5 บาท สำหรับดีเซล และ 6 บาทต่อลิตรในส่วนกลุ่มเบนซิน มีการคาดการณ์ ราคาน้ำมันปีหน้าหลากหลายราคาทั้งระดับราคา 70-75 เหรียญต่อบาร์เรลและต่ำกว่านี้ ไปฟังความเห็นผู้เชี่ยวชาญ
ในส่วนของไทยออยล์คาดว่าความต้องการน้ำมันสำเร็จรูปของโลกน่าจะขยายตัวประมาณ 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ประมาณ 1% ความต้องการน้ำมันที่เพิ่มคิดว่ากำลังกลั่นของโลกราคาน้ำมันดิบจึงน่าจะสูงขึ้นกว่านี้ ซึ่งปัจจัยก็ยังเป็นเรื่องต่อเนื่องจากปีนี้ทั้งความร่วมมือลดกำลังผลิต ปัญหาสงครามการค้า ส่วนการคาดการณ์การใช้น้ำมันของไทยจะขยายตัวไม่ต่ำกว่า 3% ทั้งกลุ่มเบนซิน ดีเซลและน้ำมันเครื่องบินเป็นกลุ่มเบนซิน มียอดขาย 30 ล้านลิตรต่อวัน กลุ่มดีเซล 64 ล้านลิตรต่อวันและน้ำมันเครื่องบินราว 20 ล้านลิตร/วัน ซึ่งเป็นผลมาจากนัการท่องเที่ยว
ส่วนเรื่องใหญ่ด้านพลังงานประจำปี 2561 ที่กำลังจะผ่านพ้นไปก็คือการประมูลแหล่งบงกช และแหล่งเอราวัณที่ ปตท.สผ.ชนะทั้ง 2 แหล่งเป็นที่คาดว่าอีก 10 ปีนี้จะมีเม็ดเงินลงทุนไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาท ผลการประมูลเกิดการประหยัดค่าก๊าซและรัฐได้ตอบแทนไม่ต่ำกว่า 6 แสนล้านบาท ลดต้นทุนค่าไฟเฉลี่ยได้ 17 สต./หน่วยใน 10 ปี หลังหมดอายุสัญญาสัมปทานปี 2565-2566
และอีกดีลใหญ่แสนล้านบาท ที่ตอนแรกฝุ่นตลบคาดว่าจะถูกล้มดีลไปไม่รอด ก็คือ กรณี จีพีเอสซี ในเครือ ปตท. ซื้อหุ้น โรงไฟฟ้าโกลว์ ที่ข้อเสนอแรก คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน หรือ กกพ.มีมติไม่ให้เกิดการซื้อขาย เพราะมองว่าจะเกิดการผูกขาด จนล่าสุด จีพีเอสซียื่นข้อเสนอใหม่ ไม่ซื้อในพื้นที่ควบรวมแล้วจะเกิดการผูกขาดในนิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ ตะวันออก จ.ระยอง วงเงินซื้อกิจการคาดเหลือ 9 หมื่นล้านบาท ในที่สุด กกพ.เพิ่งเลิกประชุมในบ่ายวันนี้ เห็นชอบ โดยมีเงื่อนไขกำหนดให้โกลว์ขายกิจการดังกล่าวคือบริษัท โกลว์ เอสพีพี 1 ให้เสร็จก่อน หรือเวลาเดียวกันกับการควบรวม พร้อมทั้งกำหนดเงื่อนไขในการให้ความคุ้มครองกลุ่มลูกค้าผู้ซื้อไฟฟ้าจากกลุ่มธุรกิจโกลว์ทั้งหมด เพื่อให้เกิดความเป็นธรรม โปร่งใส และมีธรรมาภิบาล.-สำนักข่าวไทย