สภฟ.ยื่นหนังสือถึงนายกฯ คัดค้านการขึ้นค่าไฟฟ้า

กรุงเทพ 16 ก.ค. – สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.) รวมตัวและยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี คัดค้านการผลักภาระค่าไฟฟ้าให้แก่ประชาชน หลังจาก กกพ. เคาะค่าไฟ งวด ก.ย.-ธ.ค.67 สูงสุดพุ่งทะลุ 6 บาทต่อหน่วย


เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง (สภฟ.) นำโดยนายเสนอ วิสุทธนะ ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวง ได้นำพนักงานการไฟฟ้านครหลวงกว่า 200 คน ออกเดินทางจากการไฟฟ้านครหลวง วัดเลียบ มายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ให้ทราบปัญหาและหาแนวทางแก้ไข ไม่ใช่ผลักภาระให้พี่น้องประชาชน หลังจาก กกพ.เคาะ “ค่าไฟ” งวด ก.ย.-ธ.ค.2567 ออกเป็น 3 แนวทางและขอฟังเสียงผู้ใช้ไฟฟ้า โดยแนวทางแรก ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 4.65 บาทต่อหน่วย แนวทางที่ 2 ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้น 4.92 บาทต่อหน่วย และแนวทางที่ 3 ค่าไฟฟ้าจะเพิ่มขึ้นสูงสุด 6.01 บาทต่อหน่วย ซึ่งหากค่าไฟฟ้าทะลุ 6 บาทต่อหน่วย ประชาชนที่ใช้ไฟฟ้าเดือนละ 1,000 บาท จะต้องจ่ายค่าไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 3,000 บาทต่อเดือน แน่นอน โดยค่าไฟฟ้าของผู้ใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศจะเพิ่มขึ้น 44% จากระดับค่าไฟฟ้า 4.18 บาทต่อหน่วย ในงวดปัจจุบัน

การยื่นหนังสือครั้งนี้มีนายสมคิด เชื้อคง ผู้ช่วยเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เป็นตัวแทนรับมอบซึ่งหนังสือที่ยื่นต่อนายกรัฐมนตรี มีข้อเสนอ เช่น การปรับค่าไฟฟ้า หรือค่า Ft ครั้งนี้ ถือเป็นการผลักภาระให้แก่ประชาชนอย่างไม่เป็นธรรม ทั้งๆ ที่ปัจจุบันประชาชนต้องทุกข์ยากลำบากจากค่าครองชีพที่พุ่งทะยานสูงขึ้น ทั้งค่าน้ำมัน ค่ารถเดินทาง และค่าของกินของใช้ที่แพงขึ้นอย่างมาก แต่รัฐบาลกลับไม่มีมาตรการแก้ไขค่าครองชีพที่สูงขึ้น ยิ่งมีการปรับค่า Ft จะยิ่งเป็นการสร้างความทุกข์ยากอดอยาก เป็นการช้ำเติมประชาชน รวมถึงลูกจ้างทั้งของรัฐและเอกชนเพิ่มมากขึ้น แต่เดิมมีการคัดค้านการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ (กฟผ.) ไปเป็นเอกชน แต่ในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลกลับพยายามจำกัดการผลิตไฟฟ้าของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)


ขณะเดียวกันกลับเปิดช่องทางให้บริษัทเอกชนกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาทำการผลิตกระแสไฟฟ้าขายให้กับ กฟผ. และปล่อยให้บริษัทเอกชนเหล่านี้เข้ามาหากินหาประโยชน์จากนโยบายของรัฐ โดยการทำสัญญาระยะยาวผูกขาดการขายไฟฟ้าให้กับ กฟผ. หากินกับการสำรองไฟฟ้า (Reserve Margin) แม้ กฟผ.ไม่ซื้อ ก็ต้องจ่าย (ต้นทุน) เท่ากับยินยอมให้บริษัทเอกชนหรือกลุ่มทุนใหญ่เข้ามาขูดเลือดขูดเนื้อประชาชน สาเหตุส่วนหนึ่งมาจากนโยบายของรัฐที่มีการสำรองไฟฟ้าสูงเกินความจำเป็น อยู่ที่ระดับ 35-50 % ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ ขณะที่อัตราการสำรองไฟฟ้าตามเกณฑ์เดิมอยู่ที่ 15% การสำรองไฟฟ้ายิ่งสูงมากจะกลายเป็นต้นทุนแฝงที่เป็นภาระของผู้ใช้ไฟฟ้าหรือประชาชน ดังนั้น การเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนใหญ่ จึงถือเป็นการทุจริตเชิงนโยบายที่ประชาชนทุกข์ทนกับภาระต้นทุนที่ต้องแบกรับสูงขึ้น ตลอดนับสิบปีที่ผ่านมา

สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการไฟฟ้านครหลวงจึงเรียนมาเพื่อขอคัดค้านการผลักภาระต้นทุนให้กับประชาชน รวมทั้งขอให้ยุตินโยบายการให้บริษัทเอกชนผลิตกระแสไฟฟ้า และโอนการผลิตกระแสไฟฟ้ากลับมาให้ กฟผ.ตามเดิม รวมทั้งการคงอัตราการสำรองไฟฟ้าไว้ที่ 15% ของความต้องการใช้ไฟฟ้าทั่วประเทศ.-513-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

มุกใหม่มิจฉาชีพ

มุกใหม่มิจฉาชีพ! ป่วนโทรแจ้ง ตร. เกิดเหตุร้ายที่บ้านเหยื่อ

อินฟลูฯ สาว สายทำอาหาร ถูกมิจฉาชีพอ้างเป็นตำรวจโทรหา แต่เธอไม่เชื่อ โดนท้าอีก 10 นาทีเจอกัน ปรากฏว่า มีตำรวจจาก 2 โรงพักบุกมาที่บ้านจริง

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา

“วราวุธ” ระบุการแข่งขัน อบจ.-สุพรรณบุรี ไม่มีปัญหา บอกสนามใหญ่ ไม่เข้าไปก้าวก่ายสนามท้องถิ่น ซ้ายก็เพื่อน ขวาก็พวก

ครม.เคาะแจกเงินหมื่นเฟส 2 ผู้สูงอายุ 60 ปี

“จุลพันธ์” เผย ครม.เห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านกลุ่มผู้สูงอายุ วงเงิน 4 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะดำเนินการทันก่อน 29 ม.ค.68 รวม 3 มาตรการ สร้างเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบ 1.4-1.5 แสนล้านบาท

ข่าวแนะนำ

มติกฤษฎีกา “กิตติรัตน์” คุณสมบัติไม่ผ่านนั่งประธานบอร์ด ธปท.

คณะกรรมการกฤษฎีกา 3 คณะ มีมติไม่ผ่านคุณสมบัติ “กิตติรัตน์ ณ ระนอง” เป็นประธานบอร์ดธนาคารแห่งประเทศไทย

เครื่องบินโดยสาร อาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ตกในคาซัคสถาน

เครื่องบินโดยสารเอ็มบราเออร์ ของสายการบินอาเซอร์ไบจาน แอร์ไลน์ ที่บินจากอาเซอร์ไบจาน ไปยังประเทศรัสเซีย เกิดอุบัติเหตุตกที่บริเวณใกล้กับเมืองอัคเทา ในคาซัคสถาน โดยมีผู้โดยสาร 62 คน และลูกเรือ 5 คน บนเครื่อง เจ้าหน้าที่คาซัคสถานกล่าวว่า มีผู้รอดชีวิต 28 ราย