กทม. 22 ธ.ค.-วันนี้เลขาธิการ กกต. ย้ำพรรคพลังประชารัฐ ต้องแจงระดมทุนภายใน 30 วัน ขณะที่หลายพรรคการเมือง เร่งเปิดสาขาพรรคให้ทันก่อนมีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ติดตามในคอลัมน์ “ศึกเลือกตั้ง 62”
ประเด็นการจัดงานระดมทุน ยังคงเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ต่อเนื่อง โดยวันนี้นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด คณะทำงานสื่อสารการเมืองพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การจัดงานเลี้ยงระดมทุนแบบโต๊ะจีนของพรรคพลังประชารัฐ ดูเป็นเรื่องสวนทางกับที่ นายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รองหัวหน้าพลังประชารัฐ ที่ระบุว่าคนกำลังจะอดตาย จึงต้องแจกเงิน 500 บาท แต่การจัดงานระดมทุนโต๊ะ 3 ล้านบาท สะท้อนความเหลื่อมล้ำแบบรวยกระจุกจนกระจาย และหากข้อมูลเรื่องหน่วยงานรัฐซื้อโต๊ะจีนเป็นเรื่องจริง ก็ถือว่าผิดกฎหมาย ไม่ต่างจากสิ่งที่นายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงว่าจะคืนเงินหากคุณสมบัติผู้บริจาคไม่เข้าข่ายตามกฎหมาย และการจะตรวจสอบความถูกต้อง ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาถึง 30 วัน เพราะสามารถนำเลขที่เช็คของบริษัท หรือ องค์กร มาดูว่าใครเป็นผู้เซ็นต์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น
ด้าน พ.ต.อ.จรุงวิทย์ ภุมมา เลขาธิการ กกต. ย้ำ ตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 64 และ 65 กำหนดให้แจ้งรายละเอียดภายใน 30 วัน ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบ ขณะนี้ต้องรอพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงรายละเอียดก่อน จึงยังไม่ขอให้ความชัดเจนว่าเข้าข่ายเป็นความผิดหรือไม่
ขณะที่พรรคการเมืองอื่นๆ มีวิธีระดมทุนแตกต่างกันไป อย่างพรรคอนาคตใหม่ เอาของที่ระลึกที่เคยถูกเบรคไปก่อนหน้านี้มาขายใหม่ ซึ่งจะนำออกขายถึง 30 ธ.ค.นี้เท่านั้น ส่วนพรรคประชาธิปัตย์ ยืนยันไม่มีจัดระดมทุนแบบโต๊ะจีน เพราะสามารถใช้เงินบริจาคและเงินบำรุงพรรคจากสมาชิกมาใช้ได้
สำหรับความเคลื่อนไหวของพรรคการเมืองวันนี้ พรรคภูมิใจไทย ทยอยเปิดนโยบาย โดยต้องการปฏิรูประบบสาธารณสุขให้มีประสิทธิภาพ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค บอกว่า จะนำระบบโทรเวชกรรมมาใช้ ซึ่งเบื้องต้นคนไข้ไม่ต้องไปโรงพยาบาล หรือ ระหว่างการเดินทาง บุคลากรทางการแพทย์ในรถฉุกเฉิน สามารถสื่อสารกับหมอผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล ผ่านกล้องที่เชื่อมโยงกับระบบ 4G หรือ 5G ทำให้มองเห็นสถานการณ์ของผู้ป่วยได้ ซึ่งจะลดอัตราการเสียชีวิตได้มาก โดยรัฐบาลและกระทรวงสาธารณสุข ต้องวางโครงสร้างการเข้าถึงข้อมูลให้ง่ายต่อการเข้าถึง
ด้านพรรคอนาคตใหม่ เสนอนโยบายด้านคมนาคมพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะเพื่อให้คนใช้รถยนต์ส่วนตัวน้อยลง ด้วยการพัฒนาระบบรางให้ครอบคลุมทั้งประเทศ โดยเส้นหลักต้องเป็นทางคู่ ส่วนการขนส่งระบบรอง เช่น รถบัส หรือ รถมินิบัส เชื่อมต่อชุมชนกับขนส่งมวลชนหลักอย่าง สถานนีรถไฟและสนามบิน รวมถึงให้อำนาจท้องถิ่นมีส่วนร่วมในการตัดสินใจเลือกระบบขนส่งสาธารณะ
ขณะที่แต่ละพรรคก็เร่งขยายสาขาพรรคตามจังหวัดต่างๆ อย่าง พรรคเพื่อไทย นายกิติรัตน์ ณ ระนอง รองหัวหน้าพรรค เปิดสาขาพรรค ที่ อ.ยี่งอ จ.นราธิวาส ย้ำพรรคมีความมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาประชาชนทุกระดับชั้น
ส่วนนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคพลังประชารัฐ เปิดสาขาที่ จ.นครปฐม พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. แสดงความมั่นใจ จะได้ที่นั่ง ส.ส.ในพื้นที่นี้แน่นอน แม้จะมีอดีต ส.ส.ตระกูลใหญ่ครองพื้นที่อยู่
ช่วงนี้บรรดานักการเมืองเริ่มพบปะประชาชนกันบ้างแล้ว หลายคนเลือกลงพื้นที่ แต่พรรคชาติพัฒนา และ พรรคกลาง ใช้วิธีวิ่งยามเช้า ออกกำลังกายไป รับฟังปัญหาในพื้นที่ไปด้วย นอกจากได้สุขภาพแข็งแรงแล้ว ยังได้เสียงสะท้อนไปจัดทำนโยบายหาเสียงกันด้วย.-สำนักข่าวไทย