กรุงเทพฯ 23 พ.ย. – ก.เกษตรฯ เร่งส่งเสริมการใช้ยางพาราหน่วยงานรัฐเพิ่มอีก 170,000 ตัน หลังกรมบัญชีกลางปลดล็อคซื้อยางพาราทำถนน หวังดันราคายางขึ้นไม่ต่ำกว่า 5 บาท
นายกฤษฎา บุญราช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ตามที่กรมบัญชีกลางได้ออกประกาศเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการกำหนดราคากลางงานก่อสร้าง โดยให้หน่วยงานของรัฐใช้สูตรการคำนวนราคากลางงานดินซีเมนท์ผสมยางพารา สำหรับหลักเกณฑ์การคำนวนงานก่อสร้างทาง สะพานและท่อเหลี่ยมและหลักเกณฑ์คำนวนราคากลางงานก่อสร้างชลประทานนั้น อธิบดีกรมชลประทานได้รายงานโครงการสร้างถนนคันคลองชลประทาน 53 จังหวัด แบ่งเป็น 2 ลักษณะ คือ ถนนงานยางพาราแอสฟัลต์ติกคอนกรีตใช้ยางพาราผสมกับยางมะตอยและหินเกล็ด สูตรผสมยางพารา 2 ตันต่อกิโลเมตรต่อความกว้างถนน 6 เมตร เป็นผิวทาง 874 กิโลเมตร ใช้ยาง 1,750 ตัน งบประมาณ 3,128 ล้านบาท อีกประเภทถนนงานดินซีเมนต์ผสมยางพาราใช้ยางพาราผสมกับลูกรังและปูนซีเมนต์ สูตรผสมยางพาราประมาณ 15-18 ตันต่อกิโลเมตรต่อความกว้างถนน 6 เมตร เป็นผิวทางเช่นกัน 125 กิโลเมตร ใช้ยาง 1,759 ตัน งบประมาณ 420 ล้านบาท รวมใช้ยางพารา 3,509 ตัน ระยะทางรวม 999 กิโลเมตร งบประมาณ 3,548 ล้านบาท
นอกจากนี้ ยังมีโครงการก่อสร้างถนนและทำสระเก็บน้ำให้ชุมชนของกระทรวงกลาโหมที่แจ้งความจำนงต่อการยางแห่งประเทศไทย (กยท.) เมื่อมีราคากลางตาม พ.ร.บ.การจัดซื้อจัดจ้างและการบริหารพัสดุภาครัฐ พ.ศ. 2560 จะทำให้ทุกหน่วยงานที่แจ้งความประสงค์ไว้กับ กยท.ดำเนินการได้ตามเป้าหมาย คาดว่าดูดซับยางออกจากตลาดเพิ่มอีก 170,000 ตัน จากที่ใช้ในหน่วยงานภาครัฐเพียง 8,800 ตันเท่านั้น
สำหรับโครงการทำถนนในหมู่บ้าน 75,032 หมู่บ้าน และ 7,255 ตำบลทั่วประเทศ โดยขอรับการสนับสนุนจากองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จัดสรรงบประมาณทำถนนอย่างน้อยแห่งละ 1 กิโลเมตร โดยราคาทำถนนดินซีเมนต์ผสมยางพาราเฉลี่ยกิโลเมตรละ 3 ล้านบาท เป็นค่ายางพาราประมาณกิโลเมตรละ 400,000 บาท งบประมาณรวม 24,000 ล้านบาท โดยการทำถนนกำหนดให้รับซื้อยางพาราจากเกษตรกรหรือสถาบันเกษตรกร ไม่ใช่จากบริษัทต่าง ๆ โครงการนี้จะต้องใช้น้ำยางพาราไม่น้อยกว่า 960,000 ตัน (1ก.ม.ใช้น้ำยางพาราสด 12 ตัน) ทำให้มีการใช้ยางพาราในประเทศเพิ่มขึ้น คาดว่าจะทำให้ราคายางพาราปรับสูงขึ้น 5 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งนับว่าคุ้มค่า เนื่องจากเกษตรกรจะมีรายได้เพิ่มขึ้น จึงสั่งการให้ กยท. จังหวัดเร่งทำความเข้าใจกับผู้บริหาร อปท.ให้ชัดเจนเพื่อดำเนินการให้เป็นรูปธรรม
ทางด้านนายอุทัย สอนหลักทรัพย์ ประธานสภาเครือข่ายสถาบันเกษตรกรชาวสวนยางแห่งประเทศไทย (สยยท.) กล่าวว่า เกษตรกรชาวสวนยางทั่วประเทศขอขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่ออกแรงผลักดันเต็มที่จนทำให้กรมบัญชีกลางกำหนดราคากลางการก่อสร้างงานดินซีเมนต์ผสมยางพาราเพื่อรับซื้อยางพาราจากเกษตรกรไปผสมทำถนน เนื่องจากก่อนหน้านี้ไม่มีราคากลางงานดินซีเมนต์ผสมยางพารา หน่วยงานต่าง ๆ ไม่สามารถดำเนินการได้ ซึ่งจะช่วยให้ราคายางพาราปรับตัวสูงขึ้น
ส่วนผู้แทนชาวสวนยางพาราภาคใต้ ได้แก่ นายมนัส บุญพัฒน์ สมาคมคนกรีดยางและชาวสวนยางรายย่อย (ส.ค.ย.) นายทศพล ขวัญรอด ภาคีเครือข่ายชาวสวนยางและปาล์ม นายเรืองยศ เพ็งสกุล กลุ่มวิสาหกิจชุมชนชาวสวนยางรายย่อย นายทวี ขวัญศรีสุทธิ์ สมาคมผลิตยางแผ่นลุ่มน้ำทะเลใต้ และนายนิวัฒน์ ท่องวิถี กลุ่มรับซื้อน้ำยางหน้าสวน ซึ่งต่างขอบคุณรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่เร่งดำเนินโครงการทำถนนผสมยางพารา รวมทั้งยังได้สั่งการให้ กยท.พิจารณาข้อเสนอของผู้แทนเกษตรกรให้ชดเชยราคาซื้อขายยางแผ่นดิบรมควันเทียบเท่ากับราคาส่งมอบที่ท่าเรือ (FOB) ซึ่งราคา FOB อยู่ที่เท่าไร ทาง กยท.จะชดเชยส่วนต่างให้ นับจากวันที่ได้ข้อสรุปจนถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562 ซึ่งเป็นวันปิดหน้ายาง โดยขณะนี้ กยท.กำลังประชุมหารือกับผู้แทนเกษตรกรถึงความเป็นไปได้และวิธีดำเนินการที่เหมาะสม.-สำนักข่าวไทย