กรุงเทพฯ 22 พ.ย. – ปตท. – กรมทรัพยากรทางทะเลฯ – จีซี – จุฬาฯ จับมือพัฒนาอวัยวะเทียมเพื่อสัตว์ทะเลพิการ
บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงนามในบันทึกความเข้าใจความร่วมมือวิจัยและพัฒนากายอุปกรณ์เพื่อสัตว์ทะเลพิการพิการ นายชาญศิลป์ ตรีนุชกร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทั้ง 4 องค์กรร่วมวิจัยและพัฒนากายอุปกรณ์เพื่อสัตว์ทะเลพิการ เนื่องจากปัจจุบันมีเต่าทะเลที่ได้รับบาดเจ็บจากการติดเครื่องมือประมงและใบพัดเรือ ต่อมาได้รับการรักษาต้องถูกตัดครีบ เนื่องจากอวัยวะในส่วนดังกล่าวจะเกิดเนื้อตายและติดเชื้อ ทำให้ไม่สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้ตามปกติจำนวนมาก เพื่ออนุรักษ์สัตว์ทะเลหายาก รักษาสมดุลประชากรสัตว์น้ำ และระบบนิเวศทางทะเลของไทย อีกทั้งส่งเสริมการท่องเที่ยวทางทะเล นำรายได้เข้าสู่ประเทศและชุมชนจากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวได้ในอีกทางหนึ่ง สอดคล้องกับ Sustainable Development Goal ซึ่งเป็นภารกิจด้าน Pride ของ ปตท. โดยกลุ่ม ปตท.ในฐานะผู้นำด้านนวัตกรรม จะนำองค์ความรู้ด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ด้านการแพทย์สำหรับสัตว์ทะเล ซึ่งมีโครงการนำร่องที่ ปตท.สนับสนุนงบประมาณดำเนินงานไปแล้ว ประมาณ 1.2 ล้านบาท
นายจตุพร บุรุษพัฒน์ อธิบดี กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กล่าวว่า กรมฯ มีภารกิจหลักศึกษา วิจัย พัฒนา อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง รวมถึงพืชและสัตว์ทะเลหายากที่ใกล้สูญพันธุ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นที่ป่วยหรือได้รับบาดเจ็บ หากได้รับการปฐมพยาบาลเบื้องต้นอย่างถูกต้องและได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วจะเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตมากขึ้น ยผลการดำเนินงานที่ ผ่านมาระหว่างปี 2558 – 2560 พบว่ามีสัตว์ทะเลหายากเกยตื้นเฉลี่ยปีละ 419 ตัว แบ่งเป็นเต่าทะเล 57% โลมาและวาฬ 38% และพะยูน 5% สาเหตุการเกยตื้นสำหรับเต่าทะเลและพะยูนส่วนใหญ่เกิดจากเครื่องมือประมง คิดเป็นสัดส่วน 74% และ 89% ตามลำดับ ขณะที่การเกยตื้นของโลมาและวาฬส่วนใหญ่เกิดจากการป่วยตามธรรมชาติ คิดเป็น 63% ซึ่งจะพบว่ากลุ่มของเต่าทะเลพบการเกยตื้นมากที่สุด โดยเต่าทะเลที่ได้รับการช่วยเหลือบางกลุ่มเป็นเต่าทะเลพิการที่ไม่สามารถดำรงชีวิตในธรรมชาติได้ และจำเป็นต้องอยู่ภายใต้การดูแลของหน่วยงาน ในระยะยาวกรมฯ เล็งเห็นความสำคัญของโครงการพัฒนานวัตกรรมรยางค์เทียม เพื่อช่วยเหลือเต่าทะเลที่พิการกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง และยินดีให้ความสนับสนุนทีมนักวิชาการและสัตวแพทย์ที่มีความชำนาญและการอนุบาลสัตว์ทะเลหายากพิการที่ไม่สามารถปล่อยคืนสู่ทะเลได้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ GC กล่าวว่า GC ได้นำความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนานวัตกรรมวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งมีชีวิตและระบบนิเวศทางทะเลและเทคโนโลยีที่ทันสมัยในการพิมพ์แบบสามมิติ (3D Printing) พร้อมด้วยนักวิจัยและบุคลากร ผู้มีความรู้ความสามารถของ GC มาร่วมวิจัยและคิดค้นกายอุปกรณ์เทียมที่เหมาะสมสำหรับสัตว์ทะเลใน “โครงการการวิจัยและพัฒนากายอุปกรณ์เพื่อสัตว์ทะเลพิการ” โดยเฉพาะสัตว์ทะเลที่หายากและใกล้สูญพันธุ์อย่างเต่าทะเลที่พิการและไม่สามารถปรับตัวเพื่อดำรงชีวิตตามธรรมชาติได้ จึงควรค่าแก่การอนุรักษ์และให้ความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนเพื่อให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีตามธรรมชาติ อีกทั้งช่วยพัฒนาสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศทางทะเลของประเทศไทยให้มีความสมบูรณ์อย่างยั่งยืน
สำหรับการลงนามครั้งนี้ มีระยะเวลาดำเนินงาน 5 ปี ซึ่ง ปตท. จะร่วมกับกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง จีซี และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยพัฒนา วิจัย รวมทั้งออกแบบกายอุปกรณ์เพื่อสัตว์ทะเลพิการ มุ่งเน้นความร่วมมือในการดำเนินงาน แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ประสบการณ์ และข้อมูลทางวิชาการ พร้อมทั้งสนับสนุนด้านคำปรึกษา ด้านวิชาการและเทคโนโลยีอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องระหว่างกัน โดยมีการนำหลักชีวกลศาสตร์ ร่วมกับการใช้วัสดุที่ทันสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผนวกกับนวัตกรรมเทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ มาประยุกต์ใช้ในงานชีวการแพทย์ เพื่อช่วยให้สัตว์ทะเลพิการสามารถดำรงชีพได้ตามปกติอีกครั้ง และยังถือเป็นการพัฒนาเทคนิคการใช้รยางค์เทียมเพื่อการรักษาสัตว์ทะเลหายากได้ต่อไปในอนาคต.-สำนักข่าวไทย