กทม.12 ก.ย.- ทีมรองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงความคืบหน้าคดีสำคัญ ทั้งกรณีตำรวจสืบนครบาล 3 ถูกร้องยัดยาบ้า พบดีเอ็นเอบุคคลอื่นกรณีการตายในห้องขังดีเอสไอ และ ป.ป.ช.ให้สอบอดีตผู้การ 5 ไม่สั่งฟ้องคดีทายาทกระทิงแดง
พลตำรวจตรีปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เปิดเผยกรณี ญาติผู้ต้องหาในคดียาเสพติดร้องเรียนว่า ถูกตำรวจชุดสืบสวนสอบสวนนครบาล 3 ทำร้ายร่างกายและยัดยาบ้าว่า ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ทำหนังสือถึงผู้บัญชาการตำรวจนครบาลและผู้บังคับการตำรวจนครบาล 3 ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่าย หากพบว่ามีมูลหรือพบความเชื่อมโยงให้คดีทางวินัยและอาญา เพราะนโยบาย ผบ.ตร.ชัดเจนว่า จะไม่เอาผู้กระทำผิดวินัยหรือนอกลู่นอกทาง ต้องดำเนินการเด็ดขาดทุกกรณี โดยขอให้รอผลการสอบสวน มีรายงานว่าผู้ต้องหารายดังกล่าว ถูกจับกุมและกระทำผิดมาแล้วหลายครั้ง
ด้านพลตำรวจตรีทรงพล วัธนะชัย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวกรณีมีรายงานว่า พบดีเอ็นเอของบุคคลอื่นที่วัตถุพยาน กรณีการเสียชีวิตของนายธวัชชัย อนุกูล ผู้ต้องหาที่เสียชีวิตในห้องควบคุมกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอนั้น มีความเป็นไปได้ว่าหัวหน้าเวรของดีเอสในวันดังกล่าวเข้าไปช่วยชีวิต อาจทำให้มีดีเอ็นเอของบุคคลอื่นอย่างไรก็ตาม ขอให้รอผลการตรวจชันสูตร ซึ่งพนักงานสอบสวนจะรวบรวมพยานหลักฐานทั้งหมดส่งให้อัยการเพื่อส่งต่อศาลไต่สวนสาเหตุการเสียชีวิต หากมีการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ พนักงานสอบสวนจะสอบสวนเพิ่มเติมทางคดีหลังจากนั้นอีกได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างรวบรวมหลักฐานจากแพทย์ ต้องรอประมาณ 1 สัปดาห์ถึง 10 วัน คดีนี้ต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ
รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ยังแถลงกรณี คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติหรือ ป.ป.ช.มีมติให้ตรวจสอบ อดีตผู้บังคับการตำรวจนครบาล 5 ปล่อยปะละเลยไม่สั่งฟ้องคดีทายาทกระทิงแดง ขับรถรถชนตำรวจ สน. ทองหล่อเสียชีวิต เมื่อเดือนกันยายนปี 2555 นั้น สำนักงานตำรวจแห่งชาติทราบเรื่องดังกล่าว และได้สั่งให้ฝ่ายกฎหมายนำไปพิจารณาแล้ว ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้ย้ำให้ดำเนินการทุกมิติ โดยมีกฎหมายและขั้นตอนบัญญัติไว้อยู่แล้วว่าผู้ใดต้องรับผิดชอบบ้าง.-สำนักข่าวไทย