เลย 23 ต.ค.-“อลงกรณ์” ลุยอีสานเหนือ ขอเสียงสมาชิกสนับสนุน ชูโมเดลเศรษฐกิจใหม่ “อีสาน-อินโดจีน” พุ่งเป้าเปิดตลาดท่องเที่ยวการค้าเกือบ 2 พันล้านคน พลิกฟื้นอีสานจากยากจน ด้อยโอกาสขึ้นชั้นภูมิภาคแนวหน้าของประเทศ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้ (23 ต.ค.) นายอลงกรณ์ พลบุตร ผู้สมัครเข้ารับการหยั่งเสียงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ หมายเลข 3 พร้อมทีมงาน “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่” จัดประชุมสมาชิกพรรคภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ที่โรงแรมเชียงคานแกรนด์ อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลย เพื่อนำเสนอนโยบายปฏิรูปพรรค 4 ด้านวางรากฐานการเมืองสีขาวและวิสัยทัศน์ “ประชาธิปัตย์ยุคใหม่-อีสานยุคใหม่” โดยมีสมาชิกพรรคตัวแทนสาขาพรรคจากจังหวัดอีสานตอนบน ได้แก่ อุดรธานี , หนองคาย , หนองบัวลำภู และเลยเข้าร่วมประชุมในครั้งนี้
นายอลงกรณ์ กล่าวปราศรัยต่อสมาชิกภาคอีสานว่า ประชาธิปัตย์ยุคใหม่ จะนำการเมืองใหม่แข่งคิดแข่งบริหาร สร้างโอกาสใหม่ให้กับประเทศของเรา และให้ความสำคัญกับภาคอีสานเป็นพิเศษ ไม่ใช่เพียงเพราะเหตุผลว่าคนอีสานร่วมก่อร่างสร้างพรรคตั้งแต่ตั้งพรรคในปี 2489 หรือเป็นภาคที่มีสมาชิกพรรคมากที่สุดกว่า 1.1 ล้านคนเท่านั้น แต่ด้วยความห่วงใยเอื้ออาทรเสมือนคนในครอบครัวเดียวกันเมื่อพบว่าพี่น้องอีสานยังยากจน ขาดแคลน ด้อยโอกาสกว่าทุกภาค ทั้งที่อีสานมีศักยภาพสูงมาก มีทรัพยากรธรรมชาติมีทุนทางวัฒนธรรมทุนทางประวัติศาสตร์มากมายมีประชากรกว่า 22 ล้านคน 1 ใน 3 ของคนไทย คือ คนอีสาน และมีพื้นที่ภาคถึง 1 ใน 3 ของประเทศ แต่รายได้ทั้งภาคยังน้อยมาก รวมกันเพียงร้อยละ 10 ของจีดีพี หรือ 1.4 ล้านล้านบาทเท่านั้น
นายอลงกรณ์ กล่าวว่า ตนพร้อมจะทุ่มเททำงานร่วมกับเพื่อนสมาชิก พี่น้องอีสานทุกคนทุกฝ่ายสร้างอีสานยุคใหม่ คือ การยกระดับอัพเกรดอีสานบนศักยภาพของตัวเองและศักยภาพของนานาประเทศ โดยเฉพาะกลุ่มประเทศอินโดจีนและกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง (GMS) ด้วย 4 เสาเศรษฐกิจ คือ 1.เสาการท่องเที่ยว 2.เสาเกษตรอาหารเกษตรพลังงาน 3.เสาอุตสาหกรรมสีขาว และ 4.เสาการค้าชายแดนและการค้าระหว่างประเทศ โดยวางรากฐานการพัฒนาใหม่ 5 ฐาน คือ 1.ฐานการศึกษา 2.ฐานวัฒนธรรม 3.ฐานเทคโนโลยี 4.ฐานที่ดิน 5.ฐานน้ำเพื่อนำอีสานยุคใหม่ผนึกและผสานพลังความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนากับกลุ่มประเทศอินโดจีนและกลุ่มประเทศลุ่มน้ำโขง ซึ่งมีจำนวนประชากรรวมกันเกือบ 2 พันล้านคน ซึ่งเป็นตลาดที่ใหญ่มากด้วยโมเดลการพัฒนาเศรษฐกิจร่วมที่เรียกว่า “ระเบียงเศรษฐกิจอีสาน-อินโดจีน” เพื่อสร้างรายได้ สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างธุรกิจ และสร้างโอกาสใหม่ให้กับอีสานยุคใหม่ของเรา โดยต่อยอดจากศักยภาพเดิมของอีสานที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ ทางธรรมชาติ ทางวัฒนธรรมการเป็นแหล่งปลูกข้าวหอมมะลิอันดับหนึ่งของโลก แหล่งผลิตน้ำตาลอันดับ 2 ของโลกแหล่งผลิตเชื้อเพลิงชีวภาพอันดับ 5 ของโลก และยังเป็นเมืองชายแดนติดลาว กัมพูชา และเชื่อมโยงใกล้ชิดกับพม่า เวียดนาม และจีน
“ขอให้สมาชิกพรรคและ ส.ส.ของเรา อย่าได้ท้อถอยแม้มี ส.ส.ประชาธิปัตย์เพียง 4 คน 4 เขตจาก ส.ส.อีสานทั้งหมด 126 คนในการเลือกตั้งปี 2554 แต่เราจะขอโอกาสใหม่จากพี่น้องอีสานทั้งปวง วันนี้มีโอกาสสมัครเป็นหัวหน้าพรรค จึงมาขอการสนับสนุนจากสมาชิกพี่น้องคนอีสาน หากเห็นด้วยกับนโยบายปฏิรูปพรรค 4 ด้านวางรากฐานการเมืองสีขาวและวิสัยทัศน์ “อีสานยุคใหม่” ผมพร้อมจะเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ของทุกคนทุกภาค ร่วมแรงร่วมใจกับพี่น้องอีสานสร้างจุดเปลี่ยนอีสานสู่อนาคตใหม่ เราจะคิดใหม่ ก้าวใหม่ไปด้วยกัน ด้วยความรู้รักสามัคคีไม่มีสี ไม่มีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย เสมือนครอบครัวเดียวกัน” นายอลงกรณ์ กล่าว.-สำนักข่าวไทย