กทม.12 ต.ค.-ปตท.-บางจากฯ ลดราคาขายปลีกกลุ่มเบนซิน-แก๊สโซฮอล์ 50 สต./ลิตร ด้านผู้ขับขี่มอเตอร์ไซด์รับจ้างเสียงแตก กับนโยบายลดค่าโดยสารหากรัฐช่วยค่าน้ำมันอีก 3 บาท ส่วนใหญ่เรียกร้องเพิ่มสวัสดิการรักษาพยาบาล
เริ่มที่มีข่าวดี ปตท.-บางจากฯ ประกาศปรับลดราคาขายปลีกน้ำมันกลุ่มเบนซินและแก๊สโซฮอล์ลง 50 สตางค์ต่อลิตร ยกเว้น E85 ลดลง 30 สตางค์ต่อลิตร ส่วนดีเซลและดีเซลพรีเมี่ยม คงเดิม มีผล 13 ตุลาคม 2561 เวลา 05.00 น. เป็นต้นไป โดยราคาขายปลีกจะเป็นดังนี้ เบนซิน 95 ลิตรละ 38.06 บาท แก๊สโซฮอล์ 95 ลิตรละ 30.95 บาท E20 ลิตรละ 27.94 บาท แก๊สโซฮอล์ 91 ลิตรละ 30.68 บาท E85 ลิตรละ 21.74 บาท ดีเซล 29.89 บาท และดีเซลพรีเมี่ยม 32.89 บาทต่อลิตร โดยราคาขายปลีกข้างต้นยังไม่รวมภาษีบำรุงกรุงเทพมหานคร
จากรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ประชุมร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และผู้บริหาร ปตท. เพื่อดึง ปตท.และปั๊มน้ำมันเอกชนรายอื่น รวมทั้งกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง ช่วยกันอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับผู้ขับขี่มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ และลงทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบก ประมาณ 300,000 คันทั่วประเทศ ด้วยการชดเชยราคาแก๊สโซฮอลล์ 95 ราคา 3 บาท/ลิตร คาดว่าจะใช้เงิน 300 ล้านบาท หวังช่วยลดภาระในช่วงราคาน้ำมันตลาดโลกพุ่งสูงขึ้น เร่งสรุปแผนให้เสร็จในช่วง 3 เดือนข้างหน้า เพราะราคาน้ำมันเป็นสิ่งจำเป็นต้นทุนต่อประชาชนรายย่อย จึงต้องช่วยส่วนลดราคาน้ำมันให้กับรายย่อย เริ่มอุดหนุนปลายปีนี้
ด้านความคิดเห็นของผู้ขับมอเตอร์ไซด์รับจ้างมีทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยกับนโยบายอุดหนุนราคาน้ำมันของรัฐบาล ส่วนใหญ่เรียกร้องเพิ่มสวัสดิการรักษาพยาบาล ภายหลังจากรัฐบาลเตรียมอุดหนุนราคาน้ำมันให้กับผู้ขับมอเตอร์ไซค์รับจ้างที่เป็นผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐและลงทะเบียนมอเตอร์ไซค์รับจ้างกับกรมการขนส่งทางบกนั้น
นายนรงค์ ฤทธิ์อ้น ผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า ไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ มองว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุและเป็นเงินเพียงเล็กน้อย อยากให้ช่วยเหลือเป็นก้อนใหญ่ ๆ มากกว่า และอยากให้มีประกันอุบัติเหตุสำหรับผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ซึ่งสามารถเกิดอุบัติเหตุได้ทุกวันจะเป็นการแก้ไขที่ตรงจุดมากกว่า
ส่วนนายประสานต์ ทองอ่อน ผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างเห็นด้วยกับนโยบายนี้ มองว่า เป็นการช่วยลดค่าใช้จ่าย ช่วยลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชน ส่วนการให้เติมน้ำมันที่ปั๊ม ปตท.เพียงอย่างเดียวอาจจะเป็นการผูกขาดเกินไป เพราะปกติน้ำมันหมดที่ไหนก็เติมที่นั่น ส่วนราคาค่าโดยสารนั้น มองว่าปัจจุบันอยู่ในอัตราที่เหมาะสมแล้ว ไม่ควรลดลงอีก โดยอยากให้รัฐบาลเข้ามาช่วยเหลือเรื่องสวัสดิการค่ารักษาพยาบาลและครอบครัว เช่น ค่าเทอมบุตร มากกว่าการลดราคาแก๊สโซฮอลล์ 95
ขณะที่นายตุ๊ ทองแท้ ผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง กล่าวว่า เห็นด้วยกับมาตรการดังกล่าว ปกติใช้แก๊สโซฮอลล์ 95 อยู่แล้ว แต่หากกำหนดว่าต้องเติมน้ำมันที่ปั๊มใดปั๊มหนึ่งเป็นพิเศษ ก็จำเป็นต้องมีการวางแผนก่อนการเติมน้ำมัน ส่วนค่าโดยสารจะมีการปรับลดหรือไม่นั้น ต้องรอให้นโยบายชัดเจนก่อน จึงจะมีการหารือกันในวิน ถ้าทุกวินลดราคาก็พร้อมลดราคา ซึ่งเรียกร้องให้รัฐบาลเพิ่มสวัสดิการการรักษาพยาบาลให้กับผู้ขับรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างด้วย
ส่วนวันนี้ ( 12 ต.ค ) เป็นวันแรกที่กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตประเทศไทยหรือ Thailand Future Fund (TFFIF) ได้เปิดจองซื้อหน่วยลงทุนแก่ประชาชนเป็นครั้งแรก จำนวนที่จัดสรรให้รายย่อยประมาณ 1,845 – 2,056 ล้านหน่วย ราคาหน่วยละ 10 บาท โดยผู้จองซื้อทั่วไปสามารถจองซื้อขั้นต่ำ 1,000 หน่วย หรือ 10,000 บาท และเป็นจำนวนทวีคูณของ 100 หน่วย หรือ 1,000 บาทโดยไม่จำกัดจำนวนที่จองซื้อ เปิดจองซื้อหน่วยลงทุนในวันที่ 12-19 ตุลาคมนี้
สำหรับกองทุน TFFIF ลงทุนในสิทธิในการรับส่วนแบ่งรายได้ร้อยละ 45 ของรายได้ค่าผ่านทางรวมสุทธิ ที่จัดเก็บได้เป็นระยะเวลา 30 ปีของทางพิเศษฉลองรัชและทางพิเศษบูรพาวิถี และจะนำเงินที่ได้รับจากการระดมทุนครั้งนี้ไปใช้พัฒนาโครงการทางพิเศษสายพระราม 3 – ดาวคะนอง – วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก และโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N2 เชื่อมต่อไปยังถนนวงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันออกและส่วนต่อขยายทดแทน ตอน N1 โดยประมาณการอัตราการปันส่วนแบ่งให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนในปีแรกอยู่ที่ร้อยละ 4.75 – 5.30
โดยจองซื้อที่ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (ยกเว้นสาขาไมโคร) บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันซ่า จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) (เฉพาะลูกค้าของบริษัทหลักทรัพย์ ภัทร จำกัด (มหาชน) บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน กรุงไทย จำกัด (มหาชน) และบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) หรือจองระบบ Money Connect by Krungthai ที่ https://www.moneyconnect.ktbnetbank.com หรือ http://www.ktb.co.th หรือ สแกน QR Code Money Connect by Krungthai
สำหรับการจัดสรรหน่วยลงทุน TFFIF ให้แก่ผู้จองซื้อทั่วไปครั้งนี้จะใช้วิธีการจัดสรรแบบ Small Lot First ตามหลักเกณฑ์ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นการจัดสรรหน่วยลงทุนให้แก่ผู้จองซื้อทั่วไปทุกราย ตามจำนวนหน่วยจองซื้อขั้นต่ำที่ 1,000 หน่วยในรอบแรกและวนไปเรื่อย ๆ รอบละ 100 หน่วย จนกว่าจะจัดสรรครบตามจำนวน สำหรับเอกสารประกอบในการจองซื้อหน่วยลงทุน คือ สำเนาบัตรประชาชน สำเนาสมุดบัญชีธนาคาร เงินสด โดยจะประกาศหน่วยลงทุนสำหรับผู้จองซื้อทั่วไป ได้ในวันที่ 22 ตุลาคม 2561.-สำนักข่าวไทย