ทำเนียบฯ 25 ก.ย. – ครม.ส่งเสริมเกษตรกรปลูกข้าวโพดหลังปลูกข้าว ระบุกำไร 2-3 พันบาทต่อไร่ หวังลดพื้นที่ปลูกข้าว ดึง ธ.ก.ส.ปล่อยกู้ดอกเบี้ยต่ำร้อยละ 0.01 ใช้งบช่วยเหลือ 461 ล้านบาท
พล.ท.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม ครม.เห็นชอบตามข้อเสนอกระทรวงเกษตรและสหกรณ์จัดทำโครงการสานพลังประชารัฐ เพื่อสนับสนุนการปลูกข้าวโพดหลังฤดูทำนา เพื่อไม่ให้เกษตรกรฝากชีวิตกับการปลูกข้าวเพียงอย่างเดียว จึงควรปลูกพืชเศรษฐกิจชนิดอื่นเสริมหรือทดแทนเพิ่มเติม เนื่องจากข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ตลาดมีความต้องการสูงมาก ปัจจุบันโรงงานอาหารสัตว์ต้องการข้าวโพด 8 ล้านตันต่อปี แต่ผลิตได้เพียง 4 ล้านตันต่อปี จึงมีช่องว่างเหลือต้องส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดเพิ่มให้เพียงพอ จึงเชิญชวนเกษตรปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ในพื้นที่เป้าหมาย 33 จังหวัด 2 ล้านไร่ เช่น ลำพูน ลำปาง น่าน พิจิตร ชัยนาท สระบุรี สุรินทร์ นครราชสีมา ชัยภูมิ กำหนดให้อยู่ในเขตชลประทาน หากอยู่นอกเขตชลประทานต้องมีการบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ
สำหรับการส่งเสริมปลูกข้าวโพด จะใช้นโยบายตลาดเป็นตัวนำด้วยการเจรจาให้เอกชนมารับซื้อตามราคาเป้าหมาย พร้อมดึงโรงงานภาคเอกชนมารับซื้อข้าวโพดราคาไม่ต่ำกิโลกรัมละ 8 บาท คาดกำไรจากการปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ 2,000-3,000 บาทต่อไร่ นอกจากนี้ จะดึงธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) มาร่วมปล่อยสินเชื่อวงเงิน 2,000 บาทต่อไร่ ไม่เกิน 15 ไร่ต่อราย คิดดอกเบี้ยร้อยละ 4 รัฐบาลชดเชยภาระดอกเบี้ยร้อยละ 3.99 จัดเก็บดอกเบี้ยจากสถาบันเกษตรกรและเกษตรกรร้อยละ 0.01 ระยะเวลาชำระเงินไม่เกิน 6 เดือน จึงใช้งบประมาณดูแลทุกด้านทั้งชดเชยสภาพคล่องให้สถาบันเกษตรกร ชดเชยภาระดอกเบี้ย ค่าบริหารจัดการรวม 461 ล้านบาท น้อยกว่าการจ่ายเงินอุดหนุนแบบปีที่ผ่านมาต้องใช้เงินนับพันล้านบาทในการดูแลเกษตรกร ทั้งนี้ เพื่อให้เกษตรกรรู้จักบริหารจัดการผลผลิต เปลี่ยนวิธีการปลูกพืชทดแทนมากขึ้น.-สำนักข่าวไทย