ทำเนียบรัฐบาล 15 ก.ย.- นายกรัฐมนตรี พอใจผลงานรัฐบาล 2 ปี มุมมองและการประเมินขององค์กรต่างๆ ต่อประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น ขอบคุณประชาชนที่ไว้วางใจรัฐบาล ยืนยันจะปฏิรูปประเทศให้เจริญก้าวหน้า
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศการแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาล ที่ตึกสันติไมตรี ทำเนียบรัฐบาล เป็นไปด้วยความคึกคัก มีสื่อมวลชนไทยและต่างประเทศร่วมงานเป็นจำนวนมาก โดยงานเริ่มด้วยการเปิดวีดิทัศน์ภาพรวมการทำงานที่ผ่านมาของรัฐบาลในช่วง 2 ปี
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี กล่าวแถลงผลงานครบรอบ 2 ปีของรัฐบาลว่า รู้สึกยินดีที่วันนี้เห็นรอยยิ้มกลับคืนสู่คนไทย สมกับความเป็นสยามเมืองยิ้ม เนื่องจากระยะเวลาที่ผ่านมา สถานการณ์ในประเทศไม่ค่อยสงบสุข การพัฒนาประเทศเป็นไปอย่างล่าช้า เศรษฐกิจไม่ได้รับการปฏิรูปทั้งระบบ การวิจัยและการพัฒนาไม่ต่อเนื่อง ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงกระบวนการยุติธรรมได้อย่างเท่าเทียม และการที่ประเทศไม่มีแผนยุทธศาสตร์ชาติในระยะยาว ทำให้ขาดทิศทางการพัฒนาในทุกด้าน ปัญหาที่มีมายาวนานไม่ได้รับการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม ดังนั้น ประเทศไทยจำเป็นต้องมีการปฏิรูปประเทศในทุกระบบ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ โดยยึดประชาชนเป็นศูนย์กลางและยึดถือผลประโยชน์ของประเทศเป็นที่ตั้ง ตามหลักธรรมาภิบาล สุจริต โปร่งใส เพื่อเป้าหมายสำคัญในการวางรากฐานให้รัฐบาลในอนาคตได้บริหารประเทศอย่างมีธรรมาภิบาล ภายใต้กติกาที่เหมาะสม และป้องกันไม่ให้ปัญหาแบบเดิมกลับมาเกิดขึ้นอีกในประเทศ การกำหนดนโยบายของรัฐบาลอยู่บนหลักคิดที่ต้องเสริมสร้างโอกาส ความเข้มแข็ง และความเสมอภาคเท่าเทียมในปัจจุบัน และวางรากฐานประเทศให้มีความมั่นคง มั่งคั่ง และยังยืน ดังนั้น จึงต้องประกอบด้วยมาตรการทั้งระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว ในทุกมิติ
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ในระยะเวลา 2 ปีที่รัฐบาลเข้ามาบริหารราชการแผ่นดิน มีผลการทำงานเป็นที่ประจักษ์ ทำให้มุมมองและการประเมินที่หน่วยงานองค์กรต่างๆ มีต่อประเทศไทยเป็นไปในทิศทางที่ดีขึ้น สะท้อนผลการทำงานของรัฐบาลในทุกด้าน ทั้งด้านเสถียรภาพความมั่นคงของประเทศ จากการประเมินที่มีการปรับอันดับขึ้น อาทิ ความเสี่ยงด้านความไม่แน่นอนทางการเมือง ความโปร่งใสในการบริหารงานภาครัฐ จำนวนเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จำนวนคดียาเสพติด และผลดัชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่น
ขณะที่การประเมินผลด้านความเข้มแข็งและขีดความสามารถในการแข่งขันทางเศรษฐกิจและสังคมปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน อาทิ อัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่สูงขึ้น ขีดความสามารถในการแข่งขันและด้านการคมนาคมต่างๆ การจัดอันดับของประเทศที่มีความทุกข์ยากน้อยที่สุดในโลก และเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกเป็นปีที่ 2 ต่อเนื่องกัน จาก 74 ประเทศ
ส่วนการดำเนินงานด้านกฎหมายและการต่างประเทศประสบความสำเร็จหลายด้าน ทั้งการออกกฎหมายที่สำคัญและจำเป็นได้มากที่สุด การแก้ไขปัญหางาช้างตามอนุสัญญาว่าด้วยการค้าระหว่างประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า ในด้านของความมั่นคง รัฐบาลทำให้การเผชิญหน้าความแตกแยกลดน้อยลง คนไทยอยู่อย่างสงบสุขมากขึ้น สถานการณ์ในพื้นที่ชายแดนใต้ เน้นถึงการพูดคุยเพื่อแสดงความจริงใจในการแก้ปัญหาด้วยสันติวิธี เน้นการพัฒนาพื้นที่ให้เจริญ ทั้งด้านจิตใจ สังคม การศึกษาและเศรษฐกิจ เพื่อให้ทุกคนอยู่ดีกินดี รวมทั้งส่งเสริม การวิจัยการพัฒนานวัตกรรม เพื่อความมั่นคงมีเสถียรภาพและศักยภาพในการแข่งขันของประเทศในอนาคต รวมทั้งแนวทางการปฏิรูปกองทัพ ปฏิรูปตำรวจเพื่อให้เป็นที่พึ่งของประชาชน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ด้านเศรษฐกิจมีการวางระบบโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมและไอซีทีเพื่อยกระดับโลจิสติกส์ของประเทศและกระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค, ปฏิรูปการเกษตรโดยใช้องค์ความรู้และเทคโนโลยี เพื่อลดต้นทุนการผลิต รวมทั้งวางระบบการบริหารจัดการน้ำที่ครอบคลุม, แก้กฎหมายเพื่ออำนวยความสะดวกต่อการประกอบธุรกิจและผลักดันประเทศเข้าสู่เศรษฐกิจดิจิทัล
ด้านสังคมมีการปราบปรามผู้มีอิทธิพลปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่นในทุกระดับ การจัดระเบียบสังคมจัดระเบียบรถโดยสารสาธารณะ ผลักดันสวัสดิการทางสังคม เพื่อดูแลผู้ด้อยโอกาสและผู้มีรายได้น้อย กำหนดการศึกษาให้กับเด็กไทย รวมทั้งปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้ทุกคนในสังคมอยู่ด้วยกันอย่างเท่าเทียม
ขณะที่การต่างประเทศ รัฐบาลได้สร้างความเชื่อมั่นและสร้างภาพลักษณ์ที่ดีของประเทศรวมทั้งแสดงบทบาทในเวทีโลกด้วยนโยบายการต่างประเทศเชิงรุกอย่างสร้างสรรค์จนได้รับความไว้วางใจให้เป็นประธานกลุ่มประเทศ G77 รวมทั้งให้ความร่วมมือในการแก้ปัญหาของประเทศตามหลักสากล อาทิ การแก้ไขปัญหาประมงผิดกฎหมาย ปัญหาการบินพลเรือนที่ไม่ได้มาตรฐานและปัญหาการค้ามนุษย์
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่าในด้านกฎหมายและกระบวนการยุติธรรม รัฐบาลมุ่งสร้างความยุติธรรมในสังคม ด้วยการปรับปรุงกฎหมายให้มีความทันสมัยและมีความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และรัฐต้องไม่เสียประโยชน์ รวมถึงปฏิรูประบบงานราชการและการให้บริการประชาชนให้มีประสิทธิภาพ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่าปัจจุบันเป็นการทำงานในระยะที่สองของโรดแมป คือการเริ่มต้นปฏิรูปในเชิงโครงสร้างปฏิรูปการบริหารราชการและการจัดทำแผนนำไปสู่อนาคตตามวิสัยทัศน์ ซึ่งภารกิจสำคัญของรัฐบาลในอนาคตจากนี้ คือการสร้างฐานรากสู่อนาคต ตามโมเดลไทยแลนด์ 4.0 และต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง ในเรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ด้วยการศึกษา การวางระบบสาธารณสุขขั้นพื้นฐาน การวางระบบประกันสุขภาพ สนับสนุนการลงทุนภายในประเทศด้วยการสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานที่ทันสมัย การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ที่เชื่อมโยงการขนส่ง รวมทั้งเร่งผลักดัน 10 กลุ่มอุตสาหกรรมเป้าหมาย นอกจากนี้ต้องเปลี่ยนจากการขายสินค้าเกษตรต้นน้ำไปสู่การสร้างสินค้าเกษตรนวัตกรรมเพื่อการแข่งขัน
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ขอให้ประชาชนเปิดใจและมั่นใจการทำงานของรัฐบาล พร้อมย้ำว่าการใช้อำนาจพิเศษเป็นไปเพื่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย เกิดการบูรณาการในทางสร้างสรรค์และเพื่อไม่ให้การทำงานติดขัด ส่วนประเด็นทางการเมืองของผู้ที่ไม่มีธรรมาภิบาล ไม่เคารพกฎหมาย ไม่เคารพกระบวนการยุติธรรม ล้วนเป็นการทำลายชาติและเป็นภัยร้ายแรงของประเทศจะต้องถูกขจัดให้หมดไป อย่างไรก็ตาม ยังมีกลุ่มผู้ไม่หวังดี บิดเบือนให้เกิดความแตกแยก สร้างความเข้าใจผิดให้กับประชาชนและชาวต่างชาติ โดยอ้างประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ซึ่งการกระทำดังกล่าวจะเป็นไปโดยเจตนาหรือไม่นั้น แต่ถือเป็นอันตรายอย่างที่สุด จึงอยากขอให้ประชาชนไม่ตกเป็นเครื่องมือ หรือหลงเชื่อข้อมูลจากผู้ไม่หวังดี ที่สำคัญต้องไม่ยอมให้คนเหล่านี้ มาชี้นำ มีอิทธิพลหรือกลับมามีที่ยืนในสังคมได้อีก
นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงภารกิจในระยะที่สามของโรดแมป คือการส่งมอบหน้าที่ต่อให้กับรัฐบาลชุดใหม่ภายหลังการเลือกตั้งซึ่งจะต้องรับหน้าที่ในการบริหารประเทศช่วงเปลี่ยนผ่าน และสุดท้ายขอขอบคุณประชาชนที่เข้าใจเราไว้วางใจรัฐบาลและขอยืนยันว่ารัฐบาลจะอยู่เคียงข้าง ร่วมแรง ร่วมใจ ร่วมมือกันในการปฏิรูปประเทศ ไปสู่ประเทศที่เจริญก้าวหน้าและเชื่อมั่นว่าหากคนไทยทุกคนร่วมมือกัน ประเทศจะเดินไปด้วยความสำเร็จ.-สำนักข่าวไทย