fbpx

ตำรวจจับหลอกลงทุนทองและอีกหลายคดี

กทม.21 ก.ย.-ตำรวจท่องเที่ยว จับแก๊งหลอกลงทุนทองคำ มีผู้หลงเชื่อกว่า 100 คน เสียหายกว่า 200 ล้าน 


พลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว แถลงผลการดำเนินคดีเครือข่ายการกระทำผิดที่เกี่ยวข้องกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศหลายคดี มีคดีน่าสนใจ อาทิ การจับขบวนการหลอกลวงลงทุนทองคำ ที่มีนางสาวพิราอร วรรณวงษ์ และนายไพรัตน์ เรืองโสภา สามีภรรยาเป็นหัวหน้าขบวนการ มีผู้เสียหายกว่า 100 ราย มูลค่าความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท 


พฤติการณ์จะโพสต์ เฟซบุ๊คชักชวนประชาชนร่วมลงทุนเก็งกำไรทองคำแท่ง โดยอ้างว่า มีทองคำแท่งราคาต่ำกว่าตลาด มาขายให้สมาชิกนำไปขายต่อหากำไร ลงทุนเพียง 10 วันจะได้ทั้งทุนและกำไรกลับคืนมายช่วงแรกได้เงินจริงจนผู้เสียหายเชื่อใจลงทุนมากขึ้นจากนั้นจะไม่ได้รับทองคำ หรือกำไรตามที่กล่าวอ้าง จากนี้ จะตรวจสอบเส้นทางการเงิน เพื่อเฉลี่ยคืนเงินให้ผู้เสียหาย

นอกจากนี้ ยังมีการจับเครือข่ายคอลเซ็นเตอร์ของ“เก่ง ลิ้นทอง” ซึ่งเป็นคนไทยกลุ่มแรกๆ ที่เดินทางไปตั้งศูนย์ปฏิบัติการคอลเซ็นเตอร์ในต่างประเทศทั้งที่จีน มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ตั้งแต่ปี 2556 ต่อจนถึงปัจจุบัน จากการสืบสวน สามารถขอหมายจับหัวหน้าขบวนการ และพวกรวม 5 คน ส่วนอีก 2 คน อยู่ระหว่างหลบหนี ทำให้ขณะนี้ ถือเป็นการปิดฉากคอลเซ็นเตอร์ในไทยอย่างแท้จริง เพราะจากการสืบสวนเชื่อว่า เก่ง คอลเซ็นเตอร์ เป็นหัวหน้าขบวนการเบอร์ 1  เชี่ยวชาญในการหลอกลวงเงินจากเหยื่อคนไทยไปหลายร้อยล้านบาท มีผู้เสียหายรายหนึ่งสูญเงินให้เก่ง ถึง 26  ล้านบาท   จึงได้ฉายา เก่ง ลิ้นทอง  จากนี้ จะเร่งรัดสำนวนคดีส่งฟ้องต่ออัยการ และอีกหลายคดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล 


ขณะเดียวกัน ตำรวจยังสามารถจับกุมชายไทยและเมียนมา อายุ 19 – 35 ปี รวม 4 คน พฤติการณ์ใช้แอพพลิเคชั่น ถ่ายทอดสดการมีเพศสัมพันธ์ระหว่างชายกับชาย โดยแอพพลิเคชั่นดังกล่าว มีผู้ให้บริการเป็นบริษัทตั้งอยู่ในประเทศจีน ถือเป็นแอพเคชั่นสำหรับกลุ่มชายรักชายอันดับ 1 ของโลกที่มีผู้ใช้งานกว่า 27 ล้านคน ส่วนในประเทศไทยมีผู้ใช้งานมากกว่า 300,000 คน ทั้งหมดถูกดำเนินคดีในข้อหา นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ซึ่งข้อมูลที่มีลักษณะลามกฯ ตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ 

สุดท้าย ตำรวจท่องเที่ยว สามารถตามจับนายประทีป สุขศรี อายุ 62 ปี ผู้ต้องหาหลบหนีคดีร่วมกันค้ามนุษย์ ที่เคยก่อเหตุตั้งแต่ปี 2551 ตระเวนหลอกประชาชนตามสถานีขนส่งสาธารณะ ไปใช้แรงงานในเรือประมง ในประเทศมาเลเซีย.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย