fbpx

“ดอยธิเบศร์”หอบข้อมูลภาพวาด”อ.ถวัลย์”ให้ น.1พิสูจน์และตามคืน

กรุงเทพฯ 19 ก.ย.3 – ลูกชาย อ.ถวัลย์ ดัชนี หอบข้อมูลภาพวาดของพ่อทั้งหมด เข้าพบ ผบช.น. แจงไม่ใช่เรื่องแย่งมรดก แต่เป็นสมบัติของพ่อที่ต้องรักษาไว้


นายดอยธิเบศร์ ดัชนี ลูกชาย อาจารย์ถวัลย์ ดัชนี พร้อมที่ปรึกษาทางกฎหมาย นำเอกสารยืนยันเอกลักษณ์ภาพวาดที่ ระบุว่า ถูกนำออกไปจากบ้านย่านสวนสยาม จำนวน 113 ภาพ มอบให้ พลตำรวจโทชาญเทพ เสสะเวช ผู้บัญชาการตำรวจนครบาล เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานทางคดี

นายดอยธิเบศร์ กล่าวก่อนเข้าพบผู้บัญชาการตำรวจนครบาลว่า ตอนนี้ไม่ได้ตั้งข้อสงสัยหรือต้องการกล่าวหาว่าใครขโมยรูปภาพของพ่อ ที่มีราคาหลายร้อยล้าน ไปขาย เพราะอยู่ในขั้นตอนการสอบสวนหาความจริงของตำรวจ แต่ยืนยันเมื่อปี 2557 หลังพ่อเสียชีวิตนได้ทำฐานข้อมูลไว้ทุกรูป และขอประกาศอย่างชัดเจนว่า ตั้งแต่พ่อเสียชีวิตไม่มีการขายภาพออกไป หากพบเห็นให้สงสัยว่าอาจจะเป็นของปลอม หรือ ได้มาโดยผิดกฏหมาย 


เบื้องต้นทราบว่ามีภาพหายไปเพียง 3 ภาพ แต่เมื่อนางสาวทิพย์ชาติ วรรณกูล หรือ ป้าอ๊อด ซึ่งมีความสนิทสนมและทำงานกับพ่อมานาน ได้ฟ้องร้องเรื่องแบ่งมรดก จึงมีการสำรวจทรัพย์มรดก รวมถึงภาพวาดในบ้านหลังดังกล่าว จนพบว่ามีภาพหายไปถึง 113 ภาพ ส่วนใหญ่เป็นภาพ นก และตามคืนมาได้ประมาณ 4 ภาพ ส่วนที่เหลือตนพอทราบเบาะแสว่าอยู่ที่ไหนอีกประมาณกว่า 10 ภาพ  จึงอยากให้คนที่ครอบครองไว้มาปรึกษากับตน หากมีเจตนาสุจริต ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักทรัพย์ จะได้พามาให้การฐานะพยาน

ส่วนบ้านย่านถนนสวนสยามที่ใช้เก็บภาพวาดนั้น เป็นของพ่อแต่ตนไม่อยากเข้าไป เพราะไม่อยากทำให้เกิดบรรยากาศไม่ดีกับป้าอ๊อด จึงมีเพียงบุคคลฝ่ายของป้าอ๊อดเท่านั้นที่คอยดูแลจัดการและถือกุญแจ 

จากนั้นนายดอยธิเบศร์ ได้เข้าพบ ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลนานเกือบ 1 ชั่วโมง จึงได้ออกมาเปิดเผยภาพถ่ายผลงานของอาจารย์ถวัลย์ ที่ทำเป็นฐานข้อมูลไว้ โดยส่วนใหญ่เป็นภาพนก ซึ่งเป็นผลงานตั้งแต่ 20 ปีก่อน มีมูลค่าสูงมากในวงการนักสะสม เชื่อว่าส่วนใหญ่หายไปหลังคุณพ่อเสียชีวิตไม่นาน  โดยทุกภาพถ่ายมีที่มาสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ ไม่ใฃ่กล่าวอ้างลอยๆ ยืนยันตนมาติดตามความคืบหน้าของคดีในฐานะทายาท และผู้จัดการมรดกตามคำสั่งศาล ซึ่งมีภาระต้องรักษาทรัพย์มรดกไว้ไม่ให้เกิดความเสียหาย ส่วนทรัพย์สินอื่นๆของคุณพ่อ เช่น บ้านดำ จังหวัดเชียงราย ไม่มีปัญหาเรื่องมรดก .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พบศพโบลท์หญิงวัย 47 ในป่าหญ้าริมทาง คาดถูกฆ่าชิงรถ

โบลท์หญิงวัย 47 ปี หายตัวจากบ้านพักย่านดินแดง 9 วัน ล่าสุดพบเป็นศพในป่าหญ้าริมถนนสายนครชัยศรี-ห้วยพลู อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ส่วนรถยนต์โผล่ที่ จ.ภูเก็ต คาดถูกคนร้ายฆ่าชิงรถ

pagers on display

ทำไมยังมีการใช้ “เพจเจอร์” ในยุคสมาร์ทโฟน

ลอนดอน 19 ก.ย.- เพจเจอร์ หรือวิทยุติดตามตัวเป็นอุปกรณ์การสื่อสารยอดนิยมในช่วงคริสต์ทศวรรษ 1990 ที่ต้องหลีกทางให้แก่โทรศัพท์เคลื่อนที่ เนื่องจากเป็นการสื่อสารทางเดียว แต่ยังคงมีการใช้งานในบางกลุ่ม รวมถึงกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ที่เพจเจอร์ระเบิดพร้อมกันหลายพันเครื่องทั่วเลบานอนเมื่อวันที่ 17 กันยายน แหล่งข่าวเผยว่า ฮิซบอลเลาะห์ใช้เพจเจอร์ เนื่องจากเป็นช่องทางสื่อสารเทคโนโลยีต่ำ ส่งข้อความผ่านสัญญาณวิทยุ จึงตรวจจับสัญญาณและตำแหน่งได้ยากกว่าโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่ส่งสัญญาณไปยังเสาส่งที่อยู่ใกล้ที่สุด อีกทั้งไม่มีเทคโนโลยีระบุพิกัดบนพื้นโลกอย่างจีพีเอสด้วย อดีตเจ้าหน้าที่สำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ (FBI) ของสหรัฐเผยว่า ในอดีตแก๊งอาชญากรรมโดยเฉพาะแก๊งค้ายาเสพติดในสหรัฐเคยนิยมใช้เพจเจอร์ แต่ขณะนี้หันมาใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่แบบเติมเงินราคาถูกที่สามารถเปลี่ยนเครื่องและหมายเลขได้อย่างง่ายดาย ทำให้เจ้าหน้าที่ติดตามแกะรอยได้ยาก อย่างไรก็ดี  ศัลยแพทย์โรงพยาบาลใหญ่แห่งหนึ่งในสหราชอาณาจักรเผยว่า เพจเจอร์เป็นอุปกรณ์ที่แพทย์และพยาบาลสังกัดสำนักงานบริการสุขภาพแห่งชาติหรือเอ็นเอชเอส (NHS) ต้องพกติดตัวอยู่เสมอ เพื่อรับแจ้งข่าวในการปฏิบัติหน้าที่ เป็นช่องทางที่ถูกที่สุดและมีประสิทธิภาพมากที่สุดในการแจ้งข่าวทางเดียวกับคนจำนวนมาก เพจเจอร์หลายรุ่นสามารถส่งเสียงไซเรนและมีข้อความเสียงแจ้งให้ทีมแพทย์ไปรวมตัวที่ห้องฉุกเฉินได้ทันที ข้อมูลล่าสุดในปี 2562 ระบุว่า เอ็นเอชเอสใช้เพจเจอร์ประมาณ 130,000 เครื่อง คิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 10 ของที่ใช้ทั่วโลก คอกนิทีฟมาร์เก็ตรีเสิร์ช  (Cognitive Market Research) ซึ่งเป็นบริษัทวิจัยคาดการณ์ว่า ตลาดเพจเจอร์จะเติบโตร้อยละ 5.9 ต่อปี จากปี 2566 ถึงปี 2573 […]

ข่าวแนะนำ

“อนุทิน” ลุยเชียงใหม่ร่วมบิ๊กคลีนนิ่ง ฟื้นฟูหลังน้ำลด

“อนุทิน” ลงพื้นที่เชียงใหม่ ร่วมทีม จนท.-กู้ภัย-อาสาสมัคร “บิ๊กคลีนนิ่ง” ฟื้นฟูเมืองหลังน้ำลด เร่งจ่ายเยียวยาผู้ประสบภัย