บีโอไอชี้เป้า 5 ประเทศน่าลงทุน

กรุงเทพฯ 11 ก.ย. – บีโอไอเผยตลาดใหม่ 5 ประเทศ ที่ธุรกิจไทยยังมีโอกาสเข้าไปลงทุน อิหร่าน เคนยา ซูดาน อินเดียและบังกลาเทศ   


นายโชคดี แก้วแสง รองเลขาธิการ คณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า บีโอไอ ร่วมกับมูลนิธิสถาบันวิจัยนโยบายเศรษฐกิจการคลัง (มูลนิธิ สวค.) ศึกษาข้อมูลด้านการลงทุนของกลุ่มประเทศตลาดใหม่ พบว่า 5 ประเทศยังมีผู้เข้าไปลงทุนไม่มาก ขณะที่ยังมีโอกาสทางธุรกิจ บีโอไอจึงสนับสนุนให้ผู้ประกอบการไทยออกไปลงทุน ได้แก่ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน สาธารณรัฐเคนยา สาธารณรัฐซูดาน สาธารณรัฐอินเดียและสาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ ทั้งนี้ บีโอไอ ช่วยเหลือให้คำแนะนำและจัดทำข้อมูลรวมถึงอุปสรรค เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนไทยได้ศึกษาก่อนออกไปลงทุนจริง 

สำหรับ 5 ประเทศที่นักลงทุนไทยจะเข้าไปลงทุน ได้แก่ สาธารณรัฐอิสลามอิหร่าน มีทรัพยากรที่สมบูรณ์ ทั้งน้ำมัน เหมืองแร่ และทรัพยากรทางทะเล  นักลงทุนไทยควรเตรียมความพร้อมเรื่องค่าเงิน กฎระเบียบด้านการลงทุนและผลกระทบจากมาตรการคว่ำบาตรของนานาชาติ หากตรวจสอบว่าไม่ติดขัดกับมาตรการคว่ำบาตรก็สามารถลงทุนได้  โดยอิหร่านมีมาตรการส่งเสริมการลงทุนที่น่าสนใจ คือ รัฐบาลจะสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐาน เช่น นิคมอุตสาหกรรม ค่าน้ำ ค่าไฟ ขณะที่อุตสาหกรรมที่อิหร่านต้องการให้เข้ามาลงทุน คือ พลังงานแสงอาทิตย์  สาธารณรัฐเคนยา จุดเด่นสำคัญ คือ เรื่องกฎระเบียบที่รัฐบาลเคนยากำลังปรับปรุงให้ง่ายและสะดวกต่อการลงทุน ซึ่งนอกจากนโยบายด้านการลงทุนจะส่งเสริมผ่านมาตรการทางภาษีแล้ว  ยังมีความน่าสนใจอยู่ที่เคนยายินดีรับซื้อสินค้าผ่านนโยบาย “Buy Kenya Build Kenya” แต่มีข้อจำกัดเรื่องตลาดในประเทศที่มีขนาดเล็ก ทำให้มีกำลังซื้อน้อย ประชากรมีรายได้ต่อหัวต่ำ  นักลงทุนไทยเหมาะที่จะใช้เคนยาเป็นฐานการผลิตเพื่อขยายการลงทุนไปยังตลาดยุโรปและอาหรับ อุตสาหกรรมที่เคนยาต้องการ คือ พลังงาน เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า อาหาร ยาและเวชภัณฑ์  


สาธารณรัฐซูดาน เป็นประเทศที่มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนจากต่างชาติเต็มที่ รัฐบาลซูดานเห็นว่าการพัฒนาประเทศที่สำคัญต้องมาจากแรงผลักดันจากต่างชาติ  จึงให้นักลงทุนต่างชาติถือครองกิจการได้ 100%  และซูดานพร้อมที่จะปรับตัวร่วมมือกับนักลงทุนต่างชาติอย่างเต็มที่โดยเฉพาะไทย ซูดานจึงเป็นประเทศเป้าหมายลำดับต้น ๆ ของนักลงทุนไทย โดยซูดานต้องการกระตุ้นการลงทุนทุกอุตสาหกรรม แต่ที่ต้องการเป็นพิเศษ ได้แก่ น้ำมัน ทองคำ และสินค้าเกษตร สาธารณรัฐอินเดีย ผลการศึกษาครั้งนี้ได้ศึกษาเฉพาะพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งพบว่าเหมาะที่นักลงทุนไทยจะใช้พื้นที่ดังกล่าวเป็นฐานแปรรูปทรัพยากรธรรมชาติที่มีเป็นจำนวนมาก หลังจากนั้นจึงขยายไปยังตลาดที่ใหญ่กว่าได้แก่ บังกลาเทศ อินเดียส่วนกลาง และทิเบต  กลยุทธ์การทำธุรกิจ คือ ควรหาผู้ร่วมธุรกิจที่เป็นคนในพื้นที่เพื่อสร้างการยอมรับในคุณภาพสินค้า โดยอุตสาหกรรมที่เหมาะลงทุน คือ เกษตรแปรรูป สินค้าอุปโภคบริโภค ยาเวชภัณฑ์ ร้านอาหาร และห้างสรรพสินค้า

สาธารณรัฐประชาชนบังกลาเทศ จุดเด่นที่น่าสนใจ คือ เรื่องต้นทุนค่าแรงที่ต่ำและมีแรงงานในระบบจำนวนมาก  นักลงทุนไทยควรใช้ความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีและการออกแบบที่สูงกว่าเข้าไปพัฒนาบุคลากรเพื่อเป็นฐานการผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศหรือส่งออกไปยังสหภาพยุโรป  ขณะที่จุดที่ควรระมัดระวังของบังกลาเทศ  คือ มาตรการและกฎระเบียบต่าง ๆ มีความซับซ้อน อุตสาหกรรมที่นักลงทุนไทยควรไปลงทุน คือ อาหาร เครื่องจักร เครื่องใช้ไฟฟ้า อุตสาหกรรมพลังงาน และอุตสาหกรรมสิ่งทอ .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ข่าวแนะนำ

ซุ้มไฟเฉลิมพระเกียรติฯ สุดตระการตา รับประเพณียี่เป็ง

ยามค่ำคืนในตัวเมืองเชียงใหม่ ประดับประดาด้วยแสงไฟรับประเพณียี่เป็ง หรือลอยกระทงเชียงใหม่ โดยเฉพาะบนถนนท่าแพ มีการสร้างซุ้มประดับไฟเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว จำนวน 14 ซุ้ม ยาวกว่า 200 เมตร.

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมรีดทรัพย์ รับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพื่อขายงาน

“ฟิล์ม รัฐภูมิ” ตั้งโต๊ะแจงปมเรียกรับเงิน 20 ล้านบาท จากดิไอคอน ยอมรับอ้างชื่อ “หนุ่ม กรรชัย” เพราะต้องการขายงาน

คุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง เจ้าตัวเงียบรีบเดินขึ้นรถตู้

ตำรวจกองปราบคุมตัว “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” ฝากขัง ผู้ต้องหาปัดตอบสื่อ ด้านพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัว เพราะมีพฤติการณ์หลบหนี