กทม.16 ส.ค.- ขณะที่มีกระแสข่าวว่าเจ้าหน้าที่ไทยได้คุมตัว”เสี่ยอ้วน”กลับจากกัมพูชาแล้ว แต่ทางตำรวจยังคงปฏิเสธ
พล.ต.ต.ปิยะพันธ์ ปิงเมือง รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ(รองโฆษก ตร.) แถลงย้ำความสำเร็จในการจับกุม”เสี่ยอ้วน”หรือนายปัญญา ยิ่งดัง ผู้ต้องหาคนสำคัญในคดี น.ส.ปวีณา นาเมืองรักษ์ หรือ น้องสปาย และนายอนันตชัย จริตรัมย์ หรือฟอส หน้าองค์พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาเขาชีจรรย์ หมู่ 6 ต.นาจอมเทียน อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคมที่ผ่านมา ว่า เป็นความร่วมมือระหว่างตำรวจ ทหารฝ่ายไทยและทางการกัมพูชา โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ(ผบ.ตร.) ประสานงานกับผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติกัมพูชาด้วยตัวเอง ให้ช่วยกดดันและจับกุม หลังข้อมูลชี้ชัดว่า”เสี่ยอ้วน” ซ่อนตัวอยู่ในกัมพูชา ทำให้”เสี่ยอ้วน”เคลื่อนไหวลำบากและคิดหลบหนีต่อไปเวียดนาม จนสามารถจับกุมตัวได้เมื่อช่วงค่ำวานนี้(15 ส.ค.) โดยเจ้าหน้าที่ไทยยังไม่ได้พบกับ”เสี่ยอ้วน”เนื่องจากทางการกัมพูชา กำลังเอาผิดข้อหาหลบหนีเข้าเมืองโดยผิดกฎหมาย เป็นภัยต่อความมั่นคงของประเทศและอีกหลายข้อหา จึงยังไม่รู้ว่าทางกัมพูชาได้สอบ”เสี่ยอ้วน”เกี่ยวกับคดีฆาตกรรม 2 ศพหรือยัง มั่นใจไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้าได้ตัวกลับมาดำเนินคดีแน่นอน ขอยืนยันว่าทางการกัมพูชาไม่มีเงื่อนไขแลกตัว”เสี่ยอ้วน”กับผู้ต้องหากัมพูชาที่หลบหนีมาประเทศไทย ตามที่มีข่าว นอกจากนี้ ตำรวจจะขยายผลจับกุมผู้ให้การช่วยเหลือหรือพาหลบหนีทั้งฝั่งไทย กัมพูชา และผู้ที่จะพาหนีไปเวียดนาม ล่าสุด พล.ต.อ.สุชาติ ธีระสวัสดิ์ จเรตำรวจแห่งชาติ( จตช.)หัวหน้าชุดประสานกับทางการกัมพูชาในการรับตัว”เสี่ยอ้วน”กลับประเทศไทย ปฏิเสธให้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้ ขอ 2-3 วัน จะให้แถลงความชัดเจนกับสื่อมวลชน.-สำนักข่าวไทย