เจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก มีพระดำรัสถวายพระพรแด่ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๑ ความว่า
“อภิลักขิตสมัยเฉลิมพระชนมพรรษา ของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ได้เวียนมาบรรจบอีกคำรบหนึ่ง อาตมภาพในนามคณะสงฆ์ จึงขอตั้งกัลยาณจิต ร่วมกับปวงชนชาวไทย ผู้อยู่ในพระราชสมภารบารมี สำแดงความปีติโสมนัสในศุภมงคลสมัยนี้
สมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทำนุบำรุงประเทศชาติและประชาชน ให้สมบูรณ์พูนผลด้วยความผาสุกสิริสวัสดิ์ ทรงสอดส่องสุขทุกข์ของชนในชาติ ด้วยพระราชญาณทัศน์อันเฉียบแหลม และกว้างขวาง ทรงพิทักษ์และคุ้มครองพระบวรพุทธศาสนา สมพระราชฐานะ ‘พุทธศาสนูปถัมภก’ทรงแผ่พระบารมีมาโอบอุ้มคุ้มปกปวงประชาราษฎรผู้ทุกข์ร้อนลำเค็ญ ทรงสนับสนุนและเชิดชูผู้บำเพ็ญคุณงามความดี ให้ได้มีกำลังใจในการทำงานอย่างปิดทองหลังพระ
พระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า พระองค์นี้ หากผู้มีใจยุติธรรม ได้เข้าถึงและซาบซึ้งเข้าใจอย่างจริงแท้ ย่อมไม่มีวันจะผันแปรความจงรักภักดีไปเป็นอื่นได้เลย ย่อมเป็นบทเฉลยแห่งพระราชจริยา ซึ่งสอดคล้องต้องตรงกับธรรมภาษิตที่ว่า ‘อัชฌาสัยที่ทนไม่ได้เพราะกรุณา เป็นลักษณะของมหาบุรุษ’
ณ อุดมสมัยคล้ายวันพระราชสมภพมาบรรจบถึง อาตมภาพจึงขออัญเชิญนิพนธคาถา แห่งสุขาภิยาจนคาถา มากล่าวอ้างเป็นสัจจวาจา ว่า
มาตา ปิตา จ อตฺรชํ
นิจฺจํ รกฺขนฺติ ปุตฺตกํ
เอวํ ธมฺเมน ราชาโน
ปชํ รกฺขนฺตุ สพฺพทา ฯ
ความว่า ‘มารดาและบิดาย่อมถนอมบุตรน้อย อันบังเกิดในตนเป็นนิตย์ฉันใด พระราชาจงทรงรักษาประชาราษฏร์โดยชอบ ในกาลทั้งปวงฉันนั้น’
ด้วยเดชะแห่งสัจจวาจานี้ ขอประชาราษฎร์ทั้งปวงจงสมัครสมานสามัคคี ในอันที่จะประพฤติปฏิบัติตนเป็นเสมือนลูกที่ดี พร้อมเพรียงกันทำนุบำรุงชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ให้วัฒนาสถาพร เพื่อสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวผู้ทรงตั้งพระราชหฤทัยมั่น ในอันที่จะทรงรักษาประชาราษฎร์โดยชอบ ดุจดั่งบิดรมารดา จักได้ทรงปลอดโปร่งพระราชหฤทัย ทรงบริบูรณ์ด้วยพระกำลังที่จะทรงยังราชอาณาจักรไทย ให้ร่มเย็นเป็นสุขใต้ร่มพระบารมีสืบไป
ขออานุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และพระราชกุศลธรรมจริยา จงอภิบาลรักษาสมเด็จบรมบพิตร พระราชสมภารเจ้า ผู้ทรงพระคุณอันประเสริฐ ให้ทรงพระเจริญด้วยจตุรพิธพรชัย เสด็จสถิตเป็นมิ่งขวัญหลักชัยแห่งราชอาณาจักรไทย ตราบจิรัฏฐิติกาล เทอญ.”.-สำนักข่าวไทย