เมืองนาโกย่า 20 ก.ค. – “สมคิด” โรดโชว์ชวนนักลงทุนญี่ปุ่นลงทุนอีอีซี มั่นใจบ้านเมืองไทยสงบดันจีดีพีปีนี้โตร้อยละ 4-5 ด้าน รมว.อุตฯ เล็งดึงบริษัทญี่ปุ่นลงทุนไทยหมื่นราย
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวปาฐกถาพิเศษในงานสัมมนาการลงทุน “Thailand Taking off to New Heights” จัดโดยสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ณ เมืองนาโกยา จังหวัดไอจิ ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งมีนักลงทุนญี่ปุ่นรับฟัง 800 คน ว่า ด้วยศักยภาพของประเทศไทย ทรัพยากรที่มีและเหตุการณ์บ้านเมืองสงบ และการปฏิรูปประเทศที่ดีพอจะทำให้ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ(จีดีพี) ของไทยปี 2561 ขยายตัวร้อยละ 4-5 โดยขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกด้วย แต่มั่นใจไทยไปได้ดีแน่นอน
นายสมคิด กล่าวว่า ดัชนีเศรษฐกิจทุกตัวขยายตัวอย่างมีเสถียรภาพและการท่องเที่ยวปีนี้มีต่างชาติมาเที่ยวไทยสูงถึง 40 ล้านคน จึงอยากเชิญชวนนักลงทุนญี่ปุ่นไปขยายการลงทุนในไทยโดยเฉพาะเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) เมื่อ 2 ปีก่อนที่รัฐบาลไทยเริ่มต้นทำมีน้อยคนไม่คิดว่ากล้าทำและทำได้สำเร็จ แต่ตอนนี้มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 600,000 ล้านบาท ขณะที่ 2 ไตรมาสแรกปีนี้เพิ่มทวีอย่างต่อเนื่อง โดยองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศของญี่ปุ่น (เจโทร) ได้สำรวจดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนญี่ปุ่นที่มีต่อการลงทุนและทำธุรกิจในไทยสูงขึ้นระดับ 14 ในครึ่งแรกของปี 2560 เป็นระดับ 40 ในการสำรวจครั้งล่าสุดแบบไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และคงไม่มีช่วงใดที่ความสัมพันธ์ระหว่างไทยและญี่ปุ่นจะแน่นแฟ้นเท่าตอนนี้
รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การเดินทางมาจังหวัดไอจิและพบกับนายฮิเดะอะกิ โอมุระ ผู้ว่าราชการจังหวัดไอจิ ได้ย้ำนโยบายของรัฐบาลไทยที่จะกระชับความสัมพันธ์กับระดับท้องถิ่นของญี่ปุ่น ซึ่งทวีความสำคัญมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากท้องถิ่นของญี่ปุ่นมีเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีเอกลักษณ์ และจะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของไทย จึงเลือกเดินทางเยือนจังหวัดมิเอะและจังหวัดไอจิเป็นจังหวัดที่ 2 และ 3 ต่อจากการเยือนจังหวัดฟูกูโอกะ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมาเพื่อเชิญชวนบริษัทขนาดใหญ่ รวมทั้งธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (เอสเอ็มอี) และสตาร์ทอัพของจังหวัดไอจิในสาขาที่มีศักยภาพและสอดคล้องกับอุตสาหกรรมเป้าหมายของไทย เช่น ยานยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ ตลอดจนอากาศยานและอวกาศ ไปลงทุนในอีอีซี จากปัจจุบันมีบริษัทของจังหวัดไอจิลงทุนไทยกว่า 300 บริษัท 440 สาขา และมีมูลค่าการลงทุนคิดเป็นประมาณ 1 ใน 3 ของมูลค่าการลงทุนทั้งหมดของญี่ปุ่นในไทย รวมทั้งให้พิจารณาจัดตั้งสำนักงานปฏิบัติการในภูมิภาคในประเทศไทย ซึ่งสามารถใช้เป็นฐานส่งออกจากไทยไปประเทศในเอเชียหรือตะวันออกกลางได้
ด้านนายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวในหัวข้อ “การขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านสู่ Thailand 4.0 และเขตพัฒนาเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)” ว่า มีความหวังเป็นอย่างยิ่งจะได้ต้อนรับนักลงทุนญี่ปุ่นรายใหม่ จากเดิมประมาณ 7,000 ราย ให้เพิ่มขึ้นเป็นหลักหมื่นราย โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในอีอีซี เป็นโครงการสาคัญที่สุดของรัฐบาลไทย ซึ่งเป็นที่หลักของการพัฒนาอุตสาหกรรมดั้งเดิมของไทยตั้งแต่ 35 ปีมาแล้วในพื้นที่เดิมที่เรียกว่าอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่บริษัทญี่ปุ่นมีบทบาทสูงในพื้นที่มาโดยตลอด ปัจจุบันมีบริษัทญี่ปุ่นในอีอีซี 1,016 บริษัท และแม้ว่าไทยจะมีเขตเศรษฐกิจพิเศษหรือ SEZs ในหลายพื้นที่ แต่อีอีซีจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษขนาดใหญ่ที่สุดที่ครบวงจรจะเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษที่มีบทบาทสำคัญและ มีการเติบโตมากที่สุดแห่งหนึ่งในเอเชีย คาดว่าการลงทุนในพื้นที่อีอีซีจะสูงถึง 1.5 ล้านล้านบาท ภายใน 5 ปี
ขณะที่มีหลายอุตสาหกรรมเป้าหมายเป็นที่สนใจของผู้ประกอบการทั้งไทยและญี่ปุ่น จึงมีโอกาสมากที่จะร่วมลงทุนกัน ซึ่งเครื่องมือสาคัญที่รัฐบาลใช้ในการปฏิรูปเศรษฐกิจ คือ ความร่วมมือแบบหุ้นส่วนระหว่างภาครัฐ-ภาคเอกชน หรือ PPP ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้นำในการต่อยอดและยกระดับเทคโนโลยีการวิจัยและพัฒนาอย่างครบวงจรรวมถึงการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ โดยรัฐบาลให้การสนับสนุนใกล้ชิดตามยุทธศาสตร์ ไทยแลนด์ 4.0 จึงขอเน้นย้ำว่าประเทศไทยเปิดโอกาสและมุ่งหวังร่วมมือเป็นหุ้นส่วนกับนานาชาติในการปรับโครงสร้างปฏิรูปอุตสาหกรรมไทย 4.0 บนพื้นฐานของผลประโยชน์ร่วมกันที่ยั่งยืนหรือ win-win โดยเฉพาะกับประเทศญี่ปุ่น .-สำนักข่าวไทย