นครนิวยอร์ก 22 ก.ย.-นายกรัฐมนตรี หารือสภาธุรกิจเพื่อความเข้าใจระหว่างประเทศ ย้ำ รัฐบาลปฏิรูปด้านเศรษฐกิจการค้า จูงใจนักลงทุน ขณะที่ นักธุรกิจสหรัฐฯ ยืนยัน เตรียมขยายการลงทุนเพิ่มในไทย
“จิตตานันท์ นิกรยานนท์” ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวไทย ที่ติดตามภารกิจ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 ระหว่างวันที่ 18-25 กันยายน 2559 ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา รายงานว่า นายกรัฐมนตรีได้ใช้โอกาสเข้าร่วมการประชุมสมัชชาสหประชาชาติ สมัยสามัญ ครั้งที่ 71 วันที่ 22 กันยายน ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งช้ากว่าประเทศไทย 11 ชั่วโมง ร่วมหารือกับสภาธุรกิจเพื่อความเข้าใจระหว่างประเทศ (BCIU – Business Council for International Understanding) ประกอบด้วย เอกชนชั้นนำของสหรัฐฯ อาทิ กลุ่มการเงิน กลุ่มอิเลคทรอนิกส์ กลุ่มโทรคมนาคมและการสื่อสาร และอุตสาหกรรมค้าปลีก เข้าร่วมหารือด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึง ความสัมพันธ์อันดีระหว่างไทยและสหรัฐ ฯ ที่มีมายาวนาน พร้อมขอบคุณสภาธุรกิจ เพื่อความเข้าใจระหว่างประเทศ ที่ให้ความสนใจเกี่ยวกับการประกอบธุรกิจ และขยายการลงทุนในไทย ซึ่งสะท้อนว่าภาคเอกชนในสหรัฐฯ ยังคงให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพ และโอกาสทางเศรษฐกิจของไทย พร้อมย้ำว่า ภาคเอกชนสหรัฐ ฯ สามารถใช้จุดแข็งของประเทศไทย ที่เป็นจุดเชื่อมต่อสำคัญ (connectivity hub) ในทุกทาง ทั้งต่ออนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขงไปจนถึงจีนตอนใต้ และต่ออาเซียนโดยรวม ให้เกิดประโยชน์
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลได้ผลักดันการลงทุนจำนวนมหาศาล เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เพื่อพัฒนาความเชื่อมโยง สนับสนุนแนวทางการค้าเสรี และการลงทุนจากต่างประเทศ รัฐบาลมีจุดมุ่งหมายสำคัญ ที่จะยกระดับประเทศไทย ให้หลุดออกจากกับดักของประเทศที่มีรายได้ปานกลาง โดยได้กำหนดอุตสาหกรรมที่ไทยดำเนินการได้ดีอยู่แล้ว 5 สาขา เพื่อใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมพัฒนาให้เข้มข้นยิ่งขึ้น (deepen) และกำหนดอุตสาหกรรมใหม่ ที่รู้จักกันในนาม New S-Curve อีก 5 สาขา เพื่อต่อยอดเชื่อมโยงจากอุตสาหกรรมเดิม
“พัฒนาการของประเทศไทย กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านที่สำคัญ มีการประกาศโรดแมปการคืนสูประชาธิปไตยอย่างชัดเจน และได้ดำเนินการตาม เป็นผลสำเร็จตามขั้นตอน โดยรัฐบาลมีความจริงจังและจริงใจ ที่จะปฏิรูปเศรษฐกิจและสังคม ให้เกิดความก้าวหน้าอย่างยั่งยืน เพื่อให้กลับคืนสู่ประชาธิปไตยที่มั่นคงได้สมดุล” นายกรัฐมนตรี กล่าว
ขณะที่ ประธานบริหารสภา BCIU กล่าวขอบคุณ พร้อมชื่นชมความเป็นผู้นำของนายกรัฐมนตรี ประเทศไทยมีเสถียรภาพ รวมทั้ง การยกระดับเศรษฐกิจประเทศภายใต้ โครงการ Thailand 4.0 ทำให้เพิ่มโอกาส และลู่ทางการค้าและการลงทุนในไทยและภูมิภาคด้วย ธุรกิจของสหรัฐฯ ที่ลงทุนในไทยอยู่แล้ว กำลังพิจารณาขยายการค้าและการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ธุรกิจภาคบริการและค้าปลีกของสหรัฐฯ สนใจจะเข้าไปดำเนินธุรกิจ ทั้งการลงทุนโดยตรงและการร่วมทุน
โอกาสนี้ ผู้บริหารระดับสูงของภาคเอกชนสหรัฐ ฯ ต่างๆ ได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นและแผนงานทางธุรกิจ อาทิ เจ้าหน้าที่ผู้บริหารระดับสูง บริษัท Goodyear Tire and Rubber กล่าวว่า บริษัทดำเนินธุรกิจในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน และมีแผนจะขยายการลงทุนในประเทศไทย โดยเฉพาะการสร้างโรงงานผลิตยางล้อครื่องบิน เพื่อตอบสนองความต้องการอุตสาหกรรมการบินและการขนส่งที่จะเพิ่มมากยิ่งขึ้นในอนาคต
รองประธาน บริษัท Walmart กล่าวว่า ไทยส่งสินค้าให้วอลมาร์ท และวอลมาร์ทกำลังพิจารณาขยายการนำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มเติม และเห็นว่ารัฐบาลไทยได้แก้ไขปัญหาที่เกี่ยวเนื่องกับแรงงานและกระบวนการผลิตอาหารทะเลอย่างจริงจังอีกด้วย .-สำนักข่าวไทย