ทำเนียบ 14 มิ.ย.-นายกฯ ต้อนรับ ประธานาธิบดีเมียนมา เยือนไทยอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือข้อราชการ และเห็นพ้องเส้นเขตแดนแห่งความร่วมมือ เพื่อพัฒนาแนวชายแดน การค้าการลงทุน เพื่อประโยชน์ร่วมกันของทั้งสองประเทศ
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้การต้อนรับ อู วินมยิน (อ่านว่า อู วิน มิ้น) ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา และภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ในฐานะแขกของรัฐบาล โดยมีพิธีการตรวจแถวกองทหารเกียรติยศ บริเวณสนามหญ้าหน้าตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล จากนั้นประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมา ได้ลงนามสมุดเยี่ยม ก่อนหารือข้อราชการกลุ่มเล็ก ต่อด้วยการหารือข้อราชการเต็มคณะ ซึ่งภายหลังเสร็จสิ้นการหารือข้อราชการ นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐสหภาพเมียนมาแถลงข่าวร่วมกัน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ยินดีที่ได้ต้อนรับประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและ ภริยา พร้อมด้วยคณะผู้แทนระดับสูงของเมียนมา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ และจะเข้าร่วมการประชุมสุดยอดผู้นำ ACMECS ครั้งที่ 8 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพครั้งนี้ซึ่ง ปีนี้เป็นปีที่เมียนมากับไทยฉลองครบรอบ 70 ปี ของการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างกัน และเป็นการเยือนต่างประเทศอย่างเป็นทางการเป็นประเทศแรก หลังดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมียนมา ซึ่งแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของสองประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้หารือถึงการพัฒนาตามแนวชายแดนและความร่วมมือด้านความเชื่อมโยง โดยเห็นพ้องที่จะพัฒนาความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ให้ใกล้ชิดในทุกมิติ ซึ่งหัวใจสำคัญคือ การพัฒนาตามแนวชายแดน ซึ่งจะนำประโยชน์มาสู่ประชาชนและ ความเจริญตามแนวชายแดนของสองประเทศอย่างแท้จริง ส่วนเรื่องความเชื่อมโยงอย่างไร้รอยต่อนั้น ได้เสนอให้สานต่อและใช้ประโยชน์จาก แผนยุทธศาสตร์ ACMECS โดยในส่วนเส้นทางเชื่อมต่อไทยกับเมียนมานั้น ต้องเร่งรัดการพัฒนาอย่างครบวงจรในเส้นทางแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (East – West Economic Corridor – EWEC) และแนวระเบียงเศรษฐกิจใต้(Southern Economic Corridor) หากพัฒนาทั้งสองเส้นทางตามแนวระเบียงเศรษฐกิจนี้ได้สำเร็จ ก็จะก่อให้เกิดการเชื่อมต่อของห่วงโซ่อุปทานที่มีประสิทธิภาพและเศรษฐกิจที่สร้างสรรค์ ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องว่าเส้นเขตแดนควรเป็นเส้นเขตแดนแห่งความร่วมมือ ไม่ใช่เส้นแห่งความขัดแย้ง เพื่อประโยชน์ในการส่งเสริมการค้า การลงทุน และการไปมาหาสู่ระหว่างของประชาชนทั้งสองประเทศ
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษทวาย ซึ่งจะสร้างความเชื่อมโยงระหว่างมหาสมุทรอินเดียกับแปซิฟิก จะให้หน่วยงานทั้งสองฝ่ายหารือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อขับเคลื่อนโครงการฯ ต่อไป ส่วนการดูแลคุ้มครองแรงงานเมียนมาในประเทศไทย ถือเป็นหัวใจของการพัฒนาเศรษฐกิจไทย และไทยจะดูแลแรงงานเมียนมาตามกฎหมายไทยต่อไป และขอบคุณทางการเมียนมาที่ร่วมมือกับไทยอย่างใกล้ชิด จนกระบวนการพิสูจน์สัญชาติแรงงานเมียนมาใกล้แล้วเสร็จและหวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปตามกำหนดเวลา ขณะที่สถานการณ์ในรัฐยะไข่ ทั้งสองจะดำเนินการให้แล้วเสร็จและสนับสนุนกระบวนการสันติภาพของเมียนมา
นายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณประธานาธิบดีเมียนมา สำหรับความปรารถนาดีและความมุ่งมั่นตั้งใจที่จะร่วมมือกันผลักดันประเด็นสำคัญต่าง ๆ เพื่อผลประโยชน์ร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนยุทธศาสตร์ และความผาสุกของประชาชนชาวไทย และเมียนมาอย่างแท้จริง ด้านประธานาธิบดีเมียนมา กล่าวว่าได้หารือข้อราชการและความสัมพันธ์อันดีที่ยาวนานให้ดียิ่งขึ้นไป และได้พูดคุยเรื่องการส่งเสริมคุณภาพชีวิตตามแนวชายแดน การพัฒนาประเทศ และเศรษฐกิจต่างๆ เพื่อให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น พร้อมกันนี้ขอบคุณรัฐบาลไทยที่สนับสนุนสันติภาพของเมียนมาและการพัฒนาในทุกๆด้านตลอดมา จากนั้น นายกรัฐมนตรีเป็นเจ้าภาพจัดงานเลี้ยงอาหารค่ำ เพื่อเป็นเกียรติแก่ประธานาธิบดีแห่งสาธารณรัฐแห่งสหภาพเมียนมาและภริยา ในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการในฐานะแขกของรัฐบาล ณ ตึกสันติไมตรี.-สำนักข่าวไทย