พิษณุโลก 6 มิ.ย. -ผบช.ภ.6 แถลงกรณี 3 ตำรวจในสังกัดต้องหาคดีทำร้ายและพยายามฆ่า แต่ได้กลับเข้ารับราชการต่อแม้คดียังอยู่ในชั้นศาล ยืนยันทำตามขั้นตอนไม่ได้ช่วยเหลือใคร
พล.ต.ท.ทวิชชาติ พละศักดิ์ ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 พร้อมด้วยคณะ แถลงต่อสื่อมวลชนกรณีข่าวที่ให้ข้าราชการตำรวจในสังกัดตำรวจภูธรภาค 6 จำนวน 3 นาย ประกอบด้วย ส.ต.อ.สุบิณ นุชขำ, ร.ต.ท.ธนาคาร ชัยพิพัฒน์ และ ร.ต.อ.วุฒิภัทร บัวอุไร ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีทำร้ายร่างกายนักศึกษามหาวิทยาลัยราชภัฏพิบูลสงครามจำนวน 5 คน จนได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อวันที่ 17 มี.ค. 2559 โดยคดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาจำคุกจำเลย 3 คน โดยไม่รอลงอาญา แต่ตำรวจภูธรภาค 6 กลับมีคำสั่งให้ทั้ง 3 นายกลับเข้ารับราชการในตำแหน่งเดิม ยศเดิม และเงินเดือนเท่าเดิม สร้างความเคลือบแคลงใจต่อสังคม
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 บอกว่าก่อนหน้านี้ได้มีคำสั่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยกับตำรวจทั้ง 3 นาย ว่า เมื่อต้องคดีอาญาจะต้องออกจากราชการไว้ก่อนหรือไม่ กระทั่ง 23 มิถุนายน 2560 คณะกรรมการฯพิจารณาว่า ขอให้รอคำพิพากษาของศาลให้ถึงที่สุดก่อน จึงจะพิจารณาสั่งการทางวินัยว่าจะให้ออกหรือไล่ออกหรือไม่ ซึ่งการพิจารณาดำเนินการทางวินัยโดยผู้บังคับบัญชา มีกรอบระยะเวลา 240 วัน สิ้นสุดไปเมื่อวันที่ 24 มิถุนายน 2560 จากนั้นมีการขยายเวลาไป 2 ครั้ง ครั้งละ 60 วันตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 มาตรา 87 วรรค 2 เนื่องจากคดียังไม่ถึงที่สิ้นสุ จนท้ายที่สุดตามกฎหมายได้กำหนดให้ผู้ที่ถูกกล่าวหา กลับคืนสู่ตำแหน่งเดิมได้ก่อน จนกว่าจะพิจารณามีการพิจารณาทางวินัยได้ ทำให้ทั้ง 3 นายได้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งเดิม เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม 2560 อย่างไรก็ตามเพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย ได้ลงนามสั่งย้ายตำรวจทั้ง 3 นายไปปฏิบัติราชการที่ฝ่ายอำนวยการ กองบังคับการตำรวจภูธรพิษณุโลก เมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2561 พร้อมยืนยันไม่ได้ช่วยเหลือใคร แต่เป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย หากถึงที่สุดแล้วศาลฎีกาตัดสินมีความผิดจริง ผู้กล่าวหาก็ต้องได้รับโทษตามกฎหมายและออกจากราชการทันที
ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 6 ให้คำมั่นว่าหากฝั่งผู้เสียหายมีเรื่องไม่สบายใจหรือไม่ได้รับความเป็นธรรมอย่างไร ก็สามารถเข้ามาปรึกษากับตนเองได้โดยตรง ขอให้ประชาชนเชื่อมั่นในการทำหน้าที่ของตำรวจที่รับใช้ประชาชนทุกคน.-สำนักข่าวไทย