กรุงเทพฯ 27 ก.ย.-ชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรมนำเหยื่อถูกวิ่งราวทรัพย์ สอบถามความคืบหน้าคดี หลังผ่านไป1ปีคดีไม่คืบและยังถูกสวมรอยบัตรประชาชนนำเช็ค 1 ล้านบาทไปขึ้นกับธนาคาร
นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม นำนางรัสรินทร์ โชติชัยวรพงศ์ ผู้เสียหาย เข้าพบพนักงานสอบสอบสวนสน.หัวหมาก เพื่อให้เร่งรัดคดีหลังแจ้งความดำเนินคดีนายวีระชัย เลิศลักษณ์ปรีชา ในคดีวิ่งราวทรัพย์ แล้วคดีไม่คืบหน้านานกว่า 1 ปี รวมถึงถูกนำบัตรประชาชนที่ได้จากการวิ่งราวทรัพย์ ไปเปิดบัญชีเพื่อนำเช็คธนาคารไปขึ้นเงินจำนวน 1 ล้านบาท
นางรัสรินทร์ เปิดเผยว่า ถูกวิ่งราวทรัพย์เมื่อวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2558 บริเวณลานจอดรถคอนโดที่พักย่านรามคำแหง ซึ่งภายในกระเป๋ามีทรัพย์สินมูลค่ากว่า 2 แสนบาท เอกสารต่างๆ รวมถึงเช็คเงินสด จำนวน 1 ล้านบาท หลังเกิดเหตุได้มีการแจ้งความดำเนินคดี และทำบัตรประชาชนใหม่ แต่ช่วงเดือนมีนาคม 2558 ผู้ต้องหาได้นำบัตรประชาชนที่ได้จากการวิ่งราวทรัพย์ไปเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อจะนำเช็คเงินสดไปขึ้นเงิน โดยให้ผู้หญิงที่เชื่อว่าเป็นแฟนกับผู้ต้องหาเป็นคนดำเนินการเปิดบัญชี จึงประสานขอให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยาทำการตรวจสอบ และยอมรับว่า มีการเปิดบัญชีธนาคารจริง โดยอ้างว่าเป็นบุคคลหน้าเหมือน และไม่มีการเยียวยาแต่อย่างใด อีกทั้งเมื่อช่วงต้นปี ที่ผ่านมานายวีระชัย ผู้ต้องหา ได้โทรมาข่มขู่ให้ถอนแจ้งความด้วย ประกอบกับคดีไม่มีความคืบหน้าจึงนำหลักฐานเกี่ยวกับลายมือชื่อ ภาพถ่ายผู้ต้องหาจากกล้องวงจรปิดมามอบให้กับพนักงานสอบสวน เพื่อประกอบเป็นหลักฐานในการดำเนินคดีกับผู้ต้องหา
ด้านพันตำรวจโทนพพร ศรีสุชาติ รองผู้กำกับการ(สอบสวน)สน.หัวหมาก ยอมรับว่า สำนวนคดีดังกล่าวยังไม่เสร็จสิ้น แต่มีความคืบหน้าไปร้อยละ80แล้ว โดยมีการออกหมายจับผู้ต้องหา 2คน คือนายวีระชัย และผู้ต้องหาหญิงที่ปรากฎในภาพวงจรปิด หลังจากนี้ก็จะสอบปากคำผู้เสียหายเพื่อยืนยันชื่อไปเสนอต่อศาลเพื่อแก้ไขหมายจับ ก่อนประสานฝ่ายสืบสวนจับกุมผู้ต้องหาทั้งสองรายมาดำเนินคดีในข้อหา ร่วมกันปลอมแปลงเอกสาร และใช้เอกสารปลอม/ขัอหาตามพรบ.บัตรประชาชน /ร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิก ของผู้อื่นโดยมิชอบ/รวมถึงประเด็นที่ผู้ต้องหามีการข่มขู่ ให้ผู้เสียหายถอนแจ้งความ ส่วนพยานหลักฐานที่เป็นลายมือ และเอกสารยืนยันตัว ที่มอบให้กับพนักงานสอบสวน ก็จะมอบให้กองพิสูจน์หลักฐานนำไปตรวจสอบอีกครั้งหนึ่ง แต่ส่วนความเสียหายที่นำเช็คเงินสดไปขึ้นเงิน ต้องมีการประสานเจรจาในทางแพ่งต่อไป
สำหรับพนักงานสอบสวนที่รับผิดชอบคดีนี้เมื่อปี2558 ได้ถูกสั่งพักราชการเป็นเวลา20วัน ระหว่างการพิจารณาความผิดทางวินัย เนื่องจากมีการปล่อยปะะละเลย.-สำนักข่าวไทย