กรุงเทพฯ 24 พ.ค. – การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดในครั้งนี้ แตกต่างจากรูปแบบการตรวจสอบเงินทอนวัดลอตที่ผ่านมา เพราะพบพฤติการณ์พระชั้นผู้ใหญ่ที่มีการของบอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม และงบเผยแผ่พระพุทธศาสนา จาก พศ. ก่อนโอนเข้าบัญชีตัวเองและฆราวาส ซึ่งถือเป็นหลักฐานสำคัญที่นำไปสู่การออกหมายจับผู้เกี่ยวข้องในความผิดฐานฟอกเงิน
การนิมนต์พระชั้นผู้ใหญ่ในกรุงเทพฯ เช่น วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร วัดสัมพันธวงศาราม และวัดสามพระยา เข้าให้ปากคำที่กองปราบปราม ในวันนี้ (24 พ.ค.) เกิดขึ้นหลังจากกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) ตรวจสอบพบการทุจริตเงินทอนวัด ในลอตที่ 3 พบพฤติการณ์ของพระชั้นผู้ใหญ่ ร่วมมือกับข้าราชการ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เขียนโครงการขอเงินอุดหนุนโรงเรียนพระปริยัติธรรม และเผยแผ่ศาสนา แต่นำไปใช้ไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ เช่น นำมาบูรณะกุฏิ และส่งพระธรรมทูตไปต่างประเทศ
การตรวจสอบครั้งนี้ ถือเป็นการตรวจสอบพระเถระชั้นผู้ใหญ่ รวมถึงมีตำแหน่งเป็นกรรมการมหาเถรสมาคม (มส.) เป็นครั้งแรก ปรากฏชื่อพระ 5 รูป ถูกกล่าวหาว่ามีเอี่ยวกับคดีทุจริตเงินทอนวัด เช่น พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา กรรมการ มส. และเจ้าคณะกรุงเทพฯ, พระพรหมเมธี ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 4-7, พระพรหมสิทธิ เจ้าอาวาสวัดสระเกศราชวรมหาวิหาร กรรมการ มส. และเจ้าคณะภาค 10 และผู้ช่วยเจ้าอาวาส 2 รูป คือ พระเมธีสุทธิกร และพระวิจิตรธรรมาภรณ์
ก่อนหน้านี้ พระพรหมดิลก เจ้าอาวาสวัดสามพระยา ออกมาเปิดเผยกรณีตกเป็นผู้ถูกกล่าวหาว่า มีหลักฐานชัดเจน เพราะโรงเรียนพระปริยัติธรรมที่วัดเปิดสอนมานานแล้ว และพร้อมชี้แจง
การตรวจสอบคดีทุจริตเงินทอนวัด ยังขยายผลไปตรวจสอบเส้นทางการเงิน โดย ปปง.พบความผิดปกติ มีการโอนเงินงบเผยแผ่พระพุทธศาสนา จากพระชั้นผู้ใหญ่วัดดังในกรุงเทพฯ จำนวน 25 ล้านบาท เข้าบัญชี น.ส.นุชรา สิทธินอก แม่บ้านของ ร.ท.ฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา นายทหารประจำศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ซึ่ง น.ส.นุชรา ยอมรับว่า เป็นเงินของเจ้าอาวาสวัดดังที่เข้าไปพบ โดยคนในบ้านขอความช่วยเหลือให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับโอนเงินและถอนเงิน อีกทั้งยังพบมีการโอนเงินให้กับมารดา ร.ท.ฐิติทัศน์ ซึ่งเปิดบริษัทรับผลิตสื่อและเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ให้กับวัดด้วย เบื้องต้นการเข้าให้ปากคำของ ร.ท.ฐิติทัศน์ กับพนักงานสอบสวนกองปราบปรามก่อนหน้านี้ มีการปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้องกับเงินจำนวน 25 ล้านบาท ในคดีทุจริตเงินทอนวัด
รูปแบบเงินทอนวัดในครั้งนี้ แตกต่างจากลอตที่ผ่านมาที่ พศ. เป็นผู้เสนองบให้วัดไปทำโครงการต่างๆ แต่เงินที่ได้รับต้องถูกโอนคืนให้กับข้าราชการใน พศ. ขณะที่การตรวจสอบทุจริตเงินทอนวัดในครั้งนี้ งบประมาณเผยแผ่พระพุทธศาสนากว่า 80 ล้านบาท ในจำนวนนี้ 70 ล้านบาท ถูกโอนให้เจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ 2 ครั้ง คือ 37 ล้านบาท และ 32 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีการสั่งจ่ายเช็คในชื่อเจ้าอาวาส จากนั้นโอนให้กับ น.ส.นุชรา แม่บ้านของ ร.ท.ฐิติทัศน์ ซึ่งกลายเป็นหลักฐานสำคัญในการออกหมายจับ เพื่อดำเนินคดีกับพระและฆราวาส ในความผิดฐานฟอกเงิน. – สำนักข่าวไทย