เจนีวา 27 ก.ย. – องค์การอนามัยโลก (ดับเบิลยูเอชโอ) เผยว่า ประชากรโลก 9 ใน 10 คนต้องเผชิญกับคุณภาพอากาศที่แย่ พร้อมเรียกร้องให้รัฐบาลทั่วโลกมีมาตรการจัดการกับปัญหามลพิษ ซึ่งคร่าชีวิตผู้คนมากกว่า 6 ล้านคนต่อปี
นางมาเรีย ไนรา ผู้อำนวยการแผนกสาธารณสุขและสิ่งแวดล้อมของดับเบิลยูเอชโอบอกกับผู้สื่อข่าวว่า ข้อมูลใหม่ที่รายงานโดยหน่วยงานด้านสุขภาพโลกของสหประชาชาตินั้นเพียงพอที่จะสร้างความกังวลอย่างมากให้กับทุกคน โดยปัญหาคุณภาพอากาศร้ายแรงมากในเขตเมือง ส่วนในเขตของชานเมืองนั้นก็มีคุณภาพอากาศที่แย่กว่าที่หลายๆคนคิดไว้เช่นกัน รายงานระบุว่า แม้ประเทศยากจนจะมีอากาศที่สกปรกกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว แต่ในความเป็นจริงมลพิษทางอากาศก็ส่งผลต่อทุกประเทศทั่วโลกและทุกพื้นที่ของสังคม ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นภาวะฉุกเฉินทางด้านสาธารณสุข นางมาเรียจึงเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยลดปริมาณการใช้รถบนท้องถนน พัฒนาระบบการจัดการขยะ และเชื้อเพลิงหุงต้มสะอาด เพื่อลดปัญหามลพิษทางอากาศ
ผลการจัดเก็บข้อมูลจากพื้นที่กว่า 3,000 แห่งทั่วโลกพบว่า ร้อยละ 92 ของประชากรโลกอาศัยอยู่ในพื้นที่ที่มีระดับคุณภาพอากาศแย่เกินกว่าค่ามาตรฐานของดับเบิลยูเอชโอ ซึ่งกำหนดไว้ว่า อากาศที่มีค่าฝุ่นละอองขนาดเล็กกว่า 2.5 ไมครอนเฉลี่ยต่อปีสูงกว่า 10 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรถือว่าไม่ได้มาตรฐาน ดับเบิลยูเอชโอประเมินว่า ปัญหามลพิษทางอากาศทั้งภายในและนอกสถานที่มีผลเกี่ยวเนื่องกับการเสียชีวิตของประชากรมากกว่า 6 ล้านคนต่อปี ยิ่งไปกว่านั้น เกือบร้อยละ 90 ของผู้ที่เสียชีวิตจากมลพิษทางอากาศเกิดขึ้นในประเทศที่มีรายได้ปานกลาง-ต่ำ โดยเฉพาะประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้และมหาสมุทรแปซิฟิกตะวันตก.-สำนักข่าวไทย