ตำรวจกอบปราบปราม สอบเครียด ร้อยโท “ฐิติทัศน์” สังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย ด้านเจ้าตัวยืนยันปืนมีทะเบียนและใบอนุญาตทุกกระบอก และไม่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัด
เวลา 15.45 น. ร้อยโทฐิติทัศน์ นิพนธ์พิทยา ทหารสังกัดศูนย์รักษาความปลอดภัย กองบัญชาการกองทัพไทย พร้อมนายทหารพระธรรมนูญ และทนายความส่วนตัว เดินทางเข้าพบ พลตำรวจตรีไมตรี ฉิมเฉิด ผู้บังคับการกองปราบปราม เพื่อให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบปราม หลังเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ตำรวจกองปราบปราม พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงินหรือ ปปง. เข้าตรวจค้นบ้านพักในซอยมิสทีน ย่านรามคำแหง เนื่องจาก มีการเป็นการขยายผลพบ นางสาวนุชรา สิทธินอก แม่บ้าน ในบ้านของ ร้อยโท ฐิติทัศน์ รับโอนเงินจากพระชั้นผู้ใหญ่ ในคดีทุจริตเงินทอนวัดจำนวน 25 ล้านบาท นอกจากนี้ยัง พบปืน 23 กระบอก และเครื่องกระสุนกว่า 1,000 นัด พร้อมทรัพย์สิน เงินสด ทองคำ และเอกสารธุรกรรมทางการเงิน อีกหลายรายการ
โดยก่อนพบ พนักงานสอบสวน ร้อยโทฐิติทัศน์ พยักหน้าตอบคำถามสื่อมวลชนสั้นๆ ยืนยันว่า อาวุธปืน ทั้ง 23 กระบอกมีทะเบียนถูกต้อง และปฏิเสธ ตอบเรื่องทุจริตเงินทอนวัด
ด้าน นายสมภพ ระงับทุกข์ ทนายความ กล่าวว่า การเข้าพบตำรวจของ ร้อยโทฐิติทัศน์ ครั้งนี้ เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจและชี้แจงการเข้าตรวจค้นทรัพย์สินในบ้านพัก ยืนยันลูกความอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารใบทะเบียนปืน ซึ่งมีใบครอบครองปืนทุกกระบอก และมีไว้เพื่อการฝึกฝนเท่านั้น ส่วนรู้เห็นการโอนเงินเข้าบัญชี ของนางสาวนุชรา แม่บ้านหรือไม่นั้น ไม่ทราบเพราะไม่ได้มีการพูดคุยกัน
มีรายงานข่าวจากตำรวจ ระบุว่า จากการสอบปากคำ ร้อยโทฐิติทัศน์ เบื้องต้นให้การปฏิเสธว่าไม่มีเจตนาทำผิด ในเรื่องครอบครองอาวุธปืน 23 กระบอก โดยปืนจำนวนดังกล่าว มีทั้งเป็นของตนเอง และที่เพื่อนนำมาฝากไว้ แต่ยืนยันว่ามีใบอนุญาตทุกกระบอก ซึ่งอยู่ระหว่างรวบรวมเอกสารใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมามอบให้ตำรวจอีกครั้ง พร้อม ยืนยันว่าไม่รู้เห็น หรือเกี่ยวข้อง กับเรื่องเงินจำนวน 25 ล้านบาท ที่ทางวัดแห่งหนึ่งในกรุงเทพ ได้โอนไปยังบัญชีของนางสาวนุชรา แม่บ้าน
ส่วนประเด็นที่มีการเปลี่ยนชื่อปลายทางบัญชีจากมารดาของร้อยโทฐิติทัศน์ เป็นชื่อของนางสาวนุชรานั้น ก็ไม่ทราบ คาดว่ามารดาน่าจะเป็นผู้จัดการ รวมถึงไม่ทราบเรื่องราวการนำบ้านพักของตน ในซอยมีสทีน ย่านรามคำแหง ไปจดที่ตั้งเป็นบริษัทฯ ด้วย ซึ่งขณะนี้ร้อยโทฐิติทัศน์อ้างว่าไม่สามาถติดต่อมารดาได้ และโดยปกติมารดาจะมีบ้านอยู่ที่ต่างจังหวัดอีกหลังหนึ่ง และจะไปๆมา กับที่บ้านในซอยมีสทีน ทั้งนี้ ในวันที่ 24 พฤษภาคมนี้ มารดาของร้อยโทฐิติทัศน์ ได้ติดต่อจะเข้าพบตำรวจกองปราบปราม เพื่อชี้แจงกรณีที่ถูกอ้างว่าเกี่ยวข้องกับเงินทุจริตของวัด
สำหรับ การขยายผลเส้นทางการเงิน คดีจริตเงินทอนวัดในครั้งนี้ เกิดขึ้นหลังจากที่กองบัญชาการสอบสวนกลางมอบหมายให้กองปราบปราม ติดตามเส้นทางการเงินในคดีทุจริตเงินทอนวัด โดยพบว่าการทุจริตเงินทอนวัดในล็อต 3 มีงบประมาณเผยแพร่พระพุทธศาสนา กว่า 80 ล้านบาท โดยเงินจำนวน 70 ล้านบาท ถูกโอนให้เจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งในกรุงเทพ 2 ครั้ง คือ 32 ล้านบาท และ 37 ล้านบาท // และเงินในส่วน 32 ล้านบาท มีการสั่งจ่ายเช็คในชื่อเจ้าอาวาสวัด จากนั้นมีการโอนเงินให้กับนางสาวนุชรา สิทธินอก ซึ่งเป็นแม่บ้าน ที่ดูแลบ้านของร้อยโทฐิติทัศน์จำนวน 25 ล้านบาท ตำรวจจึงเข้าตรวจค้นบ้านตามทะเบียนบ้านของนางสาวนุชรา ซึ่งพบว่าเจ้าของบ้านคือร้อยโทฐิติทัศน์ ขณะที่สอบปากคำ นางสาวนุชรา ยืนยันว่า เงินจำนวน 25 ล้านบาท เป็นเงินของเจ้าอาวาสวัดดังแห่งหนึ่งที่ได้เข้าไปพบที่วัด และได้เห็นแคชเชียร์เช็คจำนวน 25 ล้านบาท และมีคนในบ้านได้ขอความช่วยเหลือให้ช่วยเปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับโอนเงินและให้ถอนออกมาและส่งเงินทั้งหมดคืนให้กับคนในบ้านไปแล้ว – สำนักข่าวไทย